จังหวะจะเดินหน้า ก็มีอันให้ต้องถอยหลัง ด้วยเหตุนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไปจนถึง พรรคเพื่อไทย จึงต้องปรับกลยุทธ์ มีทั้งรุกและถอยอย่างที่เห็น 
 
การเดินสายลงพื้นที่ต่างจังหวัด ของ นายกฯเศรษฐา ตลอดสัปดาห์นี้ ไปจนถึงต้นเดือนธ.ค. ที่ยังมีโปรแกรมประชุมครม.สัญจร ที่หนองบัวลำภู ในวันที่ 4 ธ.ค.ปิดท้ายกันที่ 6-7 ธ.ค. วันที่ 6 ธ.ค. จะเข้าร่วมประชุมสัมมนากับพรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 

 แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากฝ่ายที่ไม่ชอบใจมีการติงว่านโยบายไม่เด่น เท่ากับการเดินสาย เดินทางไปต่างประเทศ ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง แต่ประเด็นที่น่าสนใจ แทรกเข้ามาในวาระการบริหารคือการ เช็คอุณหภูมิ ทางการเมืองในระดับ ภาคสนาม  
  
ว่าพี่น้องประชาชน มีความเห็นต่อรัฐบาล ต่อพรรคเพื่อไทย และโดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินคนละ 1หมื่นบาท อย่างไร 
 การลงพื้นที่ของนายกฯเศรษฐา  ยังพบว่าในหลายกิจกรรม ยังมี อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยู่ในจังหวะเดียวกัน อย่างงานลอยกระทงที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมา พบว่ามีแพทองธาร ร่วมกิจกรรมด้วย 
 
ดังนั้นเท่ากับว่า แพทองธาร เดินสายทำภารกิจในฐานะ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขณะที่ นายกฯเศรษฐา ลุยปฎิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ส่วนจะเป็นการอาศัยจังหวะเช็คกระแส ความนิยมหรือแรงต่อต้านที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยไปด้วยในคราวเดียวกันหรือไม่ นั้นย่อมเป็นเรื่องที่เกิดเป็นผลลัพธ์ ต่อกันโดยปริยาย
 
 ระหว่างที่แพทองธาร และนายกฯเศรษฐา ลุยงานทั้งในภาคบริหาร และงานการเมืองจะพบว่า กระแสกดดันที่มีต่อประเด็นต่างๆ พุ่งเข้าใส่รัฐบาลไม่หยุดหย่อนเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีที่ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ เด้งฟ้าผ่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล จากเก้าอีอธิบดีดีเอสไอ ไปนั่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำลังกลายเป็น ของร้อน เรื่องใหม่ ที่แกนนำในพรรคเพื่อไทย เองต้องพากันออกมา รับมือ 
 
เพราะดูเหมือนว่า เรื่องร้อนประเด็นนี้ ทำท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ  ยิ่งเมื่อ ฝ่ายค้าน กำลังใช้กลไกในสภาฯ ผ่านคณะกรรมาธิการ ฯ เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงปัญหาหมูเถื่อน ว่าจะเกี่ยวโยง เป็นเหตุให้นำมาสู่การเด้งอธิบดีดีเอสไอ หรือไม่  ยิ่งเท่ากับว่า เวลานี้บาดแผลของรัฐบาลเองที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศไปเพียงสามเดือน มีมากมายเสียแล้ว !