การประชุมครม.สัญจร ครั้งแรก ของรัฐบาล เศรษฐา 1 เสร็จสิ้นลงไปแล้วเมื่อวันที่3-4 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา โดยรอบนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เลือกจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อจัดประชุมครม.นอกสถานที่ 
 
แต่ก่อนหน้าที่นายกฯเศรษฐา จะยกคณะลงไปประชุมครม.สัญจร ก็ปรากฏภาพว่า เจ้าตัวเดินสายทำภารกิจในหลายจังหวัด ขึ้นเหนือ ล่องใต้อย่างต่อเนื่อง  ส่วนที่หนองบังลำภูนั้นมีบรรยากาศที่ฮือฮา เรียกความสนใจของคอการเมือง ได้อีกช็อต เมื่อมี อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปร่วมลงพื้นที่กับนายกฯเศรษฐา 
 
ทั้งการไป เยี่ยมชมการทำเกษตรผสมผสานแบบพื้นบ้าน ของชาวบ้าน คือ หนูปาน พรมโคตร  แปลง สปก. เลขที่ 1 กลุ่ม 839 เนื้อที่ 10 - 0 - 00 ไร่ วันที่ออกหนังสืออนุญาต 2 มิ.ย. 2551และร่วมลงพื้นที่ติดตามการทำเกษตรแปลงใหญ่ การแปรรูปสินค้าเกษตร และพบปะประชาชนในพื้นที่ ณ วัดสว่างชัยศรี ตำบลยางหล่อ อำเภอศรีบุญเรือง 
 
จึงเกิดภาพความเคลื่อนไหวของทั้งนายกฯเศรษฐา และแพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปรากฎตัวร่วมคณะนั่งรถซาเล้ง สร้างความคึกคัก  ไม่น้อย 
 
แน่นอนว่าในทางการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่า ความเคลื่อนไหวของแพทองธาร ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสส. ในพื้นที่และ รัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ย่อมเป็นได้ทั้ง เชิงสัญลักษณ์ที่พรรคเพื่อไทย จะสร้างความเข้มแข็งได้ในระดับพื้นที่จังหวัด 
 
ขณะเดียวกัน การที่มีแพทองธาร หัวหน้าพรรคไปร่วมคณะ นั่งซาเล้ง ในขบวนของนายกฯเศรษฐา อีกด้านหนึ่งคือการเปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรค ได้เดินสายลงพื้นที่ ซึ่งน่าจะอบอุ่นมากกว่าเมื่อเธออยู่ในกรุงเทพฯ  หลังจากที่โดนกระแสสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดงานสงกรานต์ตลอดทั้งเดือน รวมทั้งการทำหน้าที่ในคณะกรรมการซอฟ์พาวเวอร์ ที่คาดหวังว่าจะเป็น ภารกิจ เพื่อให้แพทองธาร ได้ขับเคลื่อนสร้างโปรไฟล์ให้กับตัวเอง 

 อย่างไรก็ดี การเปิดทางให้แพทองธาร เข้ามาฝึกงานที่ทำเนียบรัฐบาล เคยถูกจับตาก่อนหน้านี้ว่านี่อาจเป็นการปูทางเพื่อเข้ามาสู่ตำแหน่ง นายกฯคนใหม่ เมื่อ เศรษฐา ไปต่อไม่ไหว  แต่ดูเหมือนว่า จากมรสุมลูกใหญ่น้อยที่โถมเข้าใส่แพทองธาร ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังสะท้อนว่า เธอเองพร้อมที่จะเข้าสู่คิลลิ่งโซน แล้วหรือไม่ !?