ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นแนวรบ พรรคประชาธิปัตย์ ดูเหมือนเพิ่งเริ่มต้น ทั้งที่พรรคเพิ่งได้ เฉลิมชัย ศรีอ่อน  นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ลำดับที่ 9 มี เดชอิศม์ ขาวทอง เป็นเลขาธิการพรรคคู่ใจ เพราะจนถึงวันนี้ แรงต้าน ตลอดจนปฏิกิริยาจาก สมาชิกพรรค ขั้วสนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตสมาชิกพรรค ยังคงทยอยประกาศลาออกจากพรรค กันไม่หยุด 
 
ทว่าสถานะของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของเฉลิมชัย และเดชอิศม์ แม้ในวันนี้จะเป็น พรรคฝ่ายค้าน แต่หลายคนกลับพากันจับตาและเฝ้ามองว่า ที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์ จะโดดเข้าร่วมรัฐบาล กับ พรรคเพื่อไทย หรือไม่ และเมื่อใด 

 ข้อสมมติฐานที่ว่านี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ จะช้าหรือเร็ว กำลังกลายเป็น ปัจจัย ที่จะนำมาสู่ จุดเปลี่ยน ทางการเมืองอีกครั้งในวันข้างหน้า !
 
หากเฉลิมชัย ตัดสินใจให้กับอนาคตของพรรค ไปเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลจริง ก็เท่ากับว่าในเวทีสภาผู้แทนราษฎร ย่อมเหลือเพียง พรรคก้าวไกล  ทำหน้าที่ ฝ่ายค้าน ตามลำพัง 
 
ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล  แสดงความเห็นต่อสื่อถึงความพร้อมในการทำหน้าที่ ฝ่ายค้าน ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ในท่ามกลางกระแสข่าวว่าประชาธิปัตย์ จะย้ายข้าง 
  
การทำงานร่วมกันต้องให้เกียรติกัน ถ้าเรามัวแต่เกิดความไม่ไว้วางใจต่อกันโดยไม่จำเป็น ผมคิดว่าคงไม่สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีร่วมกัน (11 ธ.ค.2566) 
 
การทำหน้าที่ฝ่ายค้านของ พรรคก้าวไกลจะตกอยู่ในสภาพโดดเดี่ยวจริงหรือไม่ ตามที่เคยมีการคาดการณ์กันมาก่อนตั้งแต่หลังเลือกตั้ง แม้ในห้วงเวลานั้น พรรคก้าวไกล ซึ่งมี 151เสียง เป็นพรรคอันดับหนึ่ง และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม แต่กลับถูกมองว่าที่สุดแล้ว พรรคก้าวไกลจะต้องยืนอยู่ตามลำพัง 
 
ขณะเดียวกัน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เองที่เพิ่งผ่านศึกใน สงครามจากคนกันเองภายในพรรค ไม่อาจรอดพ้นจากการจับตาเช่นกันว่า สิ่งที่เฉลิมชัยประกาศ หลังได้รับการเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า จะทำให้พรรคเป็น ฝ่ายค้าน ที่เข้มแข็ง จะต้องได้รับการพิสูจน์ จากการทำงานในสภาฯในห้วงเปิดสมัยประชุมสภาฯ นี้เป็นต้นไป 

 อย่างไรก็ดี หากมองในอีกด้านหนึ่ง การดำรงอยู่ในฐานะฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมยากที่จะ สัมพันธ์ และสอดรับกับพรรคก้าวไกล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งในแง่จุดยืนทางการเมือง ที่ผ่านมา และเมื่อครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในฐานะที่มีทางเลือกมากขึ้น  ที่สุดแล้วพรรคก้าวไกล จึงต้องยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว !