รัฐบาล เศรษฐา1 ลุยงานมาใกล้ครบสามเดือน ในท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ เอื้ออำนวย มากกว่าในยุคที่ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี เคยเผชิญมาอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นแม้รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีห้วงเวลา ฮันนีมูน พักเบรกให้ได้ชื่นชมกับอำนาจก็ตาม แต่ต้องถือว่า ยุครัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน เข้ามานั่ง นายกฯคนที่ 30 สามารถเดินหน้าทำงานได้โดยไม่ต้องพะวงกับ ม็อบ ที่ก่อตัวหรือการต่อสู้กันระหว่าง อุดมการณ์ ทางการเมือง
การทำงานในห้วง 3เดือนของรัฐบาล เศรษฐา 1 ที่ประกอบไปด้วย 11 พรรคการเมือง 314เสียง ที่ข้ามขั้วมาจับมือกันคนละขั้วอุดมการณ์ทางการเมือง จึงปรากฏออกมาในหลายมิติ ทั้งการเร่งสร้างผลงานไปพร้อมๆกับการถูกตั้งข้อสังเกตว่า ต่างคนต่างทำ แม้จะไม่กลมเกลียว แต่ก็ไม่กระทบต่อ เสถียรภาพ ของพรรคร่วมรัฐบาล
ผลงานที่ดูจะโดดเด่น และทำแต้มคือการขยับของ กระทรวงพลังงาน ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยล่าสุดสิ่งที่เสนอต่อครม . ได้รับไฟเขียวเรียบร้อยแล้ว จนน่าจะถือเป็น ของขวัญปีใหม่ ให้กับประชาชน
นั่นคือการตรึงค่าไฟฟ้า งวดใหม่ เดือนมกราคม เมษายน 2567 สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟน้อยกว่า 300 หน่วยต่อเดือน จำนวน 17 ล้านครัวเรือน โดยจะตรึงราคาค่าไฟฟ้าเอาไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย
รวมทั้งในวาระเดียวกัน ครม. ยังเห็นชอบการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และ ตรึงราคาแอลพีจี อยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2567
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเจ้ากระทรวงจาก พรรคพลังประชารัฐ บอกเลยว่า ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ของขวัญปีใหม่ ของกระทรวงจะประกาศลงราชกิจจานุเบกษา
ขณะที่ วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แจ้งว่าได้เตรียมแพ็คเก็จที่จะมอบให้ประชาชน อาทิการให้สถานธนานุเคราะห์ ตัดดอกเบี้ยเหลือ 0% ให้กับผู้ที่จำนำไม่เกิน 5,000 บาท ตั้งแต่เดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ 2567 รวมทั้งการการปรับสภาพที่อยู่อาศัย เพื่อคนสูงวัยและคนพิการ ซึ่งตั้งงบประมาณไว้ 1 แสนหลังคาเรือน
ผลงานแต่ละพรรคการเมืองที่อยู่ร่วมรัฐบาล คือ เกราะป้องกัน ชั้นดี แต่ประเด็นที่ต่างฝ่ายต้องระวังไม่ให้ ล้ำเส้น กันเอง คือเรื่องที่คาบเกี่ยว พัวพันกับมิติทางการเมืองเพื่อลดการกระทบกระทั่งกันให้ได้มากที่สุด !