กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ประกาศนัดเจอกันใหม่ ในวันที่ 2 ก.พ.67 แต่รอบนี้จะปักหลักยาว เพื่อกดดันรัฐบาล กรณีที่  ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่กลับเข้าเรือนจำ 
 

หลังจากที่คปท. ชุมนุมหน้าทำเนียบฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 12-14 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่แรงมากพอที่จะ ยกระดับ การชุมนุมให้เข้มข้นได้ เพราะทั้ง เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ตลอดจนรัฐมนตรีในครม. ไม่ได้แสดงอาการ วิตกกังวลใดๆ 
 

ส่วนหนึ่งเพราะประเมินได้ว่า ม็อบคปท. ที่นำโดย พิชิต ไชยมงคล  แกนนำ คปท. ยังปลุกม็อบไม่ขึ้น  และอีกมุมหนึ่ง คือการที่ ฝั่งตรงข้าม กับขั้วอดีตนายกฯทักษิณ ได้พลิกไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อร่วมกันตั้งรัฐบาล ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหมายความว่า ทั้งกำลังคน และเสบียงต่างๆ จึงไม่ได้ไหลที่ม็อบคปท. การชุมนุมหน้าทำเนียบฯก่อนวันเด็ก ที่ผ่านมาจึงไม่มีปัจจัย สนับสนุน ส่งผลให้แกนนำคปท. ต้องเลือกประกาศยุติการชุมนุม 

 อย่างไรก็ดี ล่าสุด เทพไท เสนพงศ์  อดีต สส.นครศรีธรรมราช  พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้กำลังใจคปท. และระบุว่า  แม้ว่าสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป ผู้ที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณจำนวนมาก อาจจะอ่อนล้า และสับสนทางการเมือง แต่ก็เชื่อว่าจิตใจที่รักชาติ รักความเป็นธรรม ก็ยังคงอยู่ในหัวใจไม่เสื่อมคลาย  
 

เมื่อสถานการณ์สุกงอม ก็เชื่อว่ามวลชนคนเหล่านี้ จะไม่นิ่งดูดาย จะต้องออกมาแสดงพลัง เพื่อปกป้องกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง ( 15 ม.ค.67) 
 สิ่งที่เทพไท มองคือการประเมินในวันข้างหน้า ด้วยหวังว่า สถานการณ์จะ สุกงอม มากพอ  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้คือการที่พรรคร่วมรัฐบาล 314 เสียงจับมือกันแน่น 
 และที่สำคัญไปกว่านั้น คือการที่แต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ต่างพากันเร่งสร้างผลงาน และพยายามลดความขัดแย้ง เพราะต่างรู้ดีว่าการ จับมือข้ามขั้ว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ปกติ ทางการเมือง หากแต่มาจาก ดีลภาคพิเศษ  

 ดังนั้นเมื่อพรรคร่วมรัฐบาล ดำเนินไปในลักษณะต่างคนต่างยืนอยู่ในที่ของตนเอง โดยพยายาม ไม่ล้ำเส้น ออฟไซด์ข้ามพรรค  และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ อาจทำให้พรรคเพื่อไทย ยากที่จะมั่นใจได้ว่า การผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายหลักของพรรค จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่าย และสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายตามมา 
 

การเคลื่อนไหวของม็อบคปท.  ที่จะเปิดฉากขึ้นรอบใหม่ ปักหมุดกันเอาไว้ที่ต้นเดือนหน้า เดือนก.พ.  นั้นอาจยังไม่น่าหวั่นวิตกมากเท่ากับอาการ สะดุดขาตัวเอง โดยที่ พรรคร่วมรัฐบาล พากันปล่อยมือในตอนจบ !?