24 มกราคม ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย คดีหุ้นไอทีวี ที่มี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้ถูกร้อง หากผลออกมาว่า พิธามีความผิดจริง กรณีการถือครองหุ้นไอทีวี ย่อมหมายความว่า สถานะ การเป็นสส.ของพิธา มีอันต้องสิ้นสุดลง 

 แต่สำหรับ ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เองดูจะมีความเชื่อมั่นว่าที่สุดแล้ว พิธา จะได้กลับเข้าสภาฯอีกครั้ง 

 โดยเมื่อวันที่ 13 มกราคม 67 ที่ผ่านมา ชัยธวัช   เดินทางไปร่วมงานปีใหม่ม้ง บ้านทรัพย์เจริญ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ในตอนหนึ่งได้ขอพี่น้องประชาชนรอวันที่ 24 มกราคมนี้ จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คิดว่า พิธา อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะกลับมาเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล 
 และยังทิ้งความหวังเอาไว้ด้วยว่า ในวันที่ 25 มกราคม 2567 พิธา จะได้รับเลือกจาก ส.ส.พรรคก้าวไกล ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในอนาคต 
 และในวันที่ 31 มกราคม ส่งท้ายของเดือน พรรคก้าวไกลยังมีลุ้น ในคดีล้มล้างการปกครอง กรณีพรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง ถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ 
 

โดยในวันนั้นศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย ว่าพรรคก้าวไกล มีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งชัยธวัช แสดงความมั่นใจผ่านสื่อว่า การกระทำของพรรคก้าวไกลไม่เป็นความผิดตามคำร้อง และไม่ได้กังวลว่าเรื่องนี้จะไปถึงขั้น ยุบพรรค

 ทั้งคดีพิธา ถือหุ้นไอทีวี และกรณีคดีล้มล้างการปกครอง ถูกจับตามาโดยตลอดว่าจะเป็น จุดเปลี่ยน การเมืองไทยในปีนี้ เนื่องจากหากบนสังเวียนการต่อสู้ทางการเมือง ไม่มีพิธาและพรรคก้าวไกล ย่อมจะกลายเป็นโอกาสอันดีสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยม และพรรคเพื่อไทยที่ถูกพรรคก้าวไกลแซงหน้า คว้าพรรคอันดับหนึ่งจากการเลือกตั้งเมื่อพฤษภาคม 2566ไปครอง

 แต่สำหรับแกนนำพรรคก้าวไกลแล้ว ได้ประเมินแล้วว่า ไม่ว่าผลทางคดีทั้งสองคดีจะออกมาในทางลบหรือบวกก็ตาม ทว่าการชูธงนำเอาไว้ที่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าคือ เป้าหมายหลัก ที่ต้องเดินไปให้ถึง หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ก็สามารถตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ได้ และพิธาเอง ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าตัวยืนยันแล้วว่าจะยังคงทำงานกับพรรคต่อไป 
 

นอกจากนี้มีรายงานว่า กระแสผลโพลหลายสำนักที่สะท้อนว่า หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่เกิดขึ้น ประชาชนก็จะยังเลือกคนของพรรคก้าวไกลอยู่ดี นั้นสอดคล้องกับแกนนำของพรรคได้ประเมินและถอดบทเรียนหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาแล้วมองเห็น จุดอ่อน-จุดแข็ง แล้วว่า เขตใด พรรคชนะเป็นอันดับหนึ่ง เขตใดที่ ผู้สมัครของพรรค มาเป็นอันดับสอง และในเขตที่พ่ายแพ้นั้นอยู่ที่กี่คะแนน 

 การประมวลผลจากสถิติชนิดเขตต่อเขต ของพรรคก้าวไกล คือหนึ่งในแผนการเล่นที่พวกเขาประกาศแล้วว่าเลือกตั้งรอบหน้า นั้นไม่ใช่แค่ ต้องการ ชนะ แต่ยังบอกด้วยว่า จะต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ เพียงแต่อาจติดเงื่อนไขมิติทางการเมือง ที่พรรคก้าวไกลเองต้องดิ้นรนให้พ้นจากการถูกโดดเดี่ยว ทางการเมืองให้ได้เสียก่อน !