4เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ สำหรับรัฐบาล “เศรษฐา 1” ดูเหมือนยาวนานับขวบปี เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน”  นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และพรรคเพื่อไทย ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทุกทาง ทั้งที่การเข้าสู่ตำแหน่ง “รัฐบาล” ทำหน้าที่ “ฝ่ายบริหาร” ได้รับการกรุยทาง จนราบรื่น ! 


 แต่ปรากฏว่าวันนี้ สว.รวบตัวล่ารายชื่อ ได้ไม่ต่ำกว่า 90 คนเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 153 เพื่อให้ “รัฐบาล” ได้ชี้แจงเรื่องร้อนๆกลางสภาฯ  ทั้งนี้ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ สว.จะยื่นญัตติต่อ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานวุฒิสภา 


 การขยับของสว. รอบนี้ด้านหนึ่งถูกมองว่าเป็นภารกิจก่อนทิ้งทวนของ “250สว.” ชุดที่คสช.แต่งตั้งมากับมือ  แต่ขณะเดียวกันอย่าลืมว่า สว.หลายคนต้องตอบคำถามสังคมเช่นกันว่า  ในเมื่อเคยยกมือโหวตหนุนเศรษฐา ให้เข้ามานั่งนายกฯคนที่ 30 แล้วเหตุใด จึงจะหันมาตรวจสอบนายกฯที่เลือกกันเอง จะเป็นการส่งสัญญาณ “เบรกเกม” รัฐบาล จากผู้ที่อยู่เบื้องหลัง  สว.หรือไม่ 


 ล่าสุดนายกฯเศรษฐา ชี้แจงข้ามประเทศ ระหว่างไปเข้าร่วมการประชุม  World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2024 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ว่าเขาพร้อมที่จะชี้แจงต่อวุฒิสภา หากยังมีข้อคลางแคลง เพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล 


 “ ว่ากันไปตามรัฐธรรมนูญหากมีเสียงพอที่จะขอเปิดอภิปรายได้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ในฐานะฝ่ายบริหารที่จะต้องตอบ เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อข้องใจ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย แต่ก็ขอให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีวิธีการสื่อสารที่ถูกต้อง” 


 ปัญหาที่รัฐบาลเพื่อไทย ไม่อาจหลีกเลี่ยง เมื่อเกมในสภาฯเปิดขึ้น ทั้งจากวุฒิสภาที่วางคิวจ่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว “ฝ่ายค้าน” ที่นำหน้าโดย “พรรคก้าวไกล” ล่าสุดยังพบว่า นโยบายหลัก นโยบายหาเสียง  “แจกเงินหมื่น” โครงการดิจิทัลวอลเล็ต อยู่ในอาการ “น่าเป็นห่วง”  เพราะไม่เพียงแต่จะมี “คำแนะนำ” จาก คณะกรรมการกฤษฎีกา ให้รัฐบาลต้องหาคำนิยาม คำว่า “วิกฤตเศรษฐกิจ” นั้นครอบคลุมไปถึงเรื่องใดบ้าง


 ทำเอาการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ต้องชะงัก ล่าสุดยังต้องมาลุ้นว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  จะมีคำแนะนำอย่างไร จะเหมือนกับที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้หรือไม่ว่า ป.ป.ช.ห่วงว่านโยบายแจกเงินหมื่นจะมีปัญหา จนซ้ำรอยกับโครงการจำนำข้าว ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 


 เท่ากับว่าเวลานี้การเดินหน้านโยบายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยยังต้อง เวท แอนด์ ซี หยุดเพื่อรอ แต่จะให้ “พับ” โครงการไปเลยนั้น หลายคนกำลังจะจับตามองว่ารัฐบาลอาจจะใช้ ข้อท้วงติงจากกฤษฎีกา จากป.ป.ช.ตลอดจน ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น “ทางลง” แทนหรือไม่ !?