ผลจากคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรมช.คมนาคม มีความผิดจริงกรณีซุกหุ้นบุรีเจริญฯ ส่งผลให้สิ้นสถานการณ์เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้ส่งผลกระทบในลักษณะ เฉพาะตัว ต่อศักดิ์สยาม เท่านั้น หากแต่ล่าสุด ยังส่อเค้าว่าจะลุกลามไปถึง พรรคภูมิใจไทย อีกด้วย !

 เมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7ต่อ 1 ให้ศักดิ์สยาม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเนื่องจากฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วน และหุ้นส่วนของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4 อนุมาตรา 1 ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 1 อนุมาตรา 5 อันเป็น คำร้อง ที่ พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ในขณะนั้น ยื่นเรื่องต่อ ประธานสภาฯ ชงเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อพ.ค.2566 

 และเมื่อคดีเดินมาถึงจุดสิ้นสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ให้ศักดิ์สยาม พ้นสถานะความเป็นรัฐมนตรี เรื่องราวกลับไม่ได้ ยุติลง  ที่ตัวศักดิ์สยาม เพราะอีกหนึ่งสถานะของเขาคือ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรค

 หมายความว่า เรื่องนี้มีโอกาสลามมาถึงพรรค มีอันให้ต้องถูกร้อง ยุบพรรค ตามมา และแม้ พรรคก้าวไกล โดย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยืนยันว่าในฐานะพรรคฝ่ายค้านที่ยื่นคำร้องคดีศักดิ์สยาม จะไม่ดำเนินการยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบจริยธรรมไปจนถึงขั้นยุบพรรค เนื่องจาก จุดยืน พรรคก้าวไกล เชื่อว่าไม่มีองค์กรใดที่จะมาตัดสินประหารชีวิตของบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ยกเว้น ประชาชน เท่านั้น 
 
แต่เรื่องราวยังไม่ยุติ เมื่อ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดกรณีผิดจริยธรรมร้ายแรง กับศักดิ์สยามไปเรียบร้อยแล้ว และในสัปดาห์นี้ ศรีสุวรรณ จะยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ ยุบพรรคภูมิใจไทย ตามมา 

 ปมร้อนๆที่เทมาที่พรรคภูมิใจไทย ว่าจะได้รับผลกระทบถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่นั้น สำหรับ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรค แสดงความมั่นใจว่า กรณีศักดิ์สยาม เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับพรรคก็ตาม 
 
แต่เงื่อนปมสำคัญที่จะทำให้เกิด ศักดิ์สยามเอฟเฟกซ์ คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร และเมื่อชี้ว่าศักดิ์สยาม มีความผิดกรณีซุกหุ้นบุรีเจริญ ฯ โดยเจ้าตัวคือผู้ถือหุ้นของบริษัท มีความเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญฯ โดยมี นอมินี ถือหุ้นแทน และนอมินีของศักดิ์สยาม ยังมีชื่อในฐานะผู้บริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งปรากฏตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าว

 เท่ากับว่า พรรคภูมิใจไทย จะต้องถูกดึงเข้ามาร่วมในบ่วงคดีซุกหุ้นของศักดิ์สยาม เพราะ เงินบริจาคดังกล่าวอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ด้วยเหตุนี้ จึงมิใช่ศักดิ์สยาม ตายเดี่ยว แต่อาจจะพา ภูมิใจไทย ตายหมู่ ไปพร้อมๆกัน ในจังหวะที่การเมืองกำลังจะเริ่มต้นร้อนแรงที่พรรคภูมิใจไทย ย่อมเสีย อำนาจต่อรอง ไปโดยปริยาย !