ผลการสำรวจจาก “ซูเปอร์โพล” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 ชี้ว่า ฐานเสียงพรรคก้าวไกลวันนี้ เติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” โดยใช้เวลาเพียง 3ปีเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ถุกสะท้อนออกมาเช่นนี้ ย่อมทำให้ “คู่แข่ง” อย่าง “พรรคเพื่อไทย”  อยู่ในองศาที่ถูกกระทบมากที่สุด ! 


 โดยซูเปอร์โพล เปิดเผยรายละเอียดผลการสำรวจเอาไว้ว่า เมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจระหว่างเดือนก.ค. ปี 2563 กับ ม.ค ปี 2567 เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จะเลือกพรรคก้าวไกลหรือไม่เลือกพรรคก้าวไกล พบว่า ในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลพุ่งพรวดมาเท่าตัว จากร้อยละ 16.7 ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 37.3 


 และการเติบโตแบบพุ่งพรวดเช่นนี้ สำนักโพลแห่งนี้ยังระบุด้วยว่า “มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง” โดยส่วนหนึ่งมาจาก “ปัจจัยเสริม” นั่นคือการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบอท (BOT) ในการจัดแคมเปญ สร้างสรรค์และกระจายข้อมูลข่าวสารของนโยบายพรรคก้าวไกล 


 เมื่อนี่คือผลการสำรวจที่สะท้อนให้เห็นถึงที่มาของการเติบโต ของพรรคผ่านการใช้ เทคโนโลยีของพรรคก้าวไกล จนสามารถ “กวาดคะแนน” ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ได้ชัยชนะเหนือคู่แข่ง โดยมีผลการเลือกตั้งสส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา คือ “151 สส.” เป็นตัวยืนยัน ย่อมส่งผลต่อ “พรรคเพื่อไทย” มาเป็นอันดับแรก  เพราะจนถึงวันนี้ รัฐบาลที่นำโดย พรรคเพื่อไทย ใช้เวลาบริหารประเทศผ่านพ้นไปแล้ว 4เดือน แต่กำลังประสบปัญหา ความนิยมถูกท้าทาย 


 แม้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ จะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จจนทำให้พรรคเพื่อไทย จัดตั้งข้ามขั้วจนได้ แต่ใจความสำคัญ คือการผลักดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งเป็นนโยบายเรือธง ของเพื่อไทย ยังไม่รู้จะออกหน้าไหน จะไปต่อ หรือมีอันต้องหยุด โดยอ้างความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเป็น “ทางลง” 


 แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยไม่อาจสร้าง “ผลงานชิ้นโบว์แดง” ได้สำเร็จแล้ว ยังกลายเป็นว่า พรรคคู่แข่งอย่าง “ก้าวไกล” ยิ่งโตวันโตคืน แม้ในเวลานี้ยังต้องรอลุ้นว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อและพรรค จะรอดบ่วงคดีล้มล้างการปกครอง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้หรือไม่ ก็ตาม
 สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ไม่เพียงแต่ยังต้องเร่งหาทาง “ตีตื้น” เพื่อ “แซงหน้า” พรรคก้าวไกล ไปให้ได้ เร็วที่สุดเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันยังต้องเดินหน้า “ ปั้น” นายน้อย อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้พร้อมรับไม้ต่อ จาก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯและรมว.คลัง หากต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตามมาจริง 
 แต่ปัญหาของอุ๊งอิ๊ง เวลานี้คือความไม่พร้อม  ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ยังไม่สุกงอมทางการเมืองมากพอที่พรรคเพื่อไทย จะชูเธอขึ้นมาชน กับพิธา แม้ สมาชิกพรรค ตลอดจน “รัฐมนตรี” ที่กำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีส่วนในการร่วมสนับสนุน “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่กำลังถูกปั้นให้เป็น “จุดขาย” ของอุ๊งอิ๊ง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มี “พลัง” มากพอที่จะต่อกรกับ  “พิธา ฟีเวอร์” 


 การขับเคี่ยวกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ไม่ว่าฝ่ายหลังจะรอดจากการถูกยุบพรรค อันมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ คดีล้มล้างการปกครอง การรณรงค์ยกเลิกและแก้ไขมาตรา 112 ในวันที่ 31 ม.ค.นี้หรือไม่ก็ตาม แต่ภารกิจของพรรคเพื่อไทย ในการ “ปั้น” แพทองธาร ก็ยังเป็นเรื่องยากลำบาก อยู่ดี !?