การเคลื่อนไหวของ สว. ที่เตรียมลับดาบ พร้อมซักฟอก รัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 153  โดยล่าสุด แกนนำในพรรคเพื่อไทย  ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล คาดหมายว่า รัฐมนตรี มีความพร้อมในราวปลายเดือนก.พ.นี้ 

 การใช้เวทีวุฒิสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยสว. ที่เข้าชื่อกันเกือบ 100 คน ในสายตาของ พรรคก้าวไกล ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน กำลังมองว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาสว. ไม่เคยใช้เวทีวุฒิสภา เป็นเครื่องมือตรวจสอบรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่อย่างใด 
 
และแน่นอนว่าการยื่นญัตติขอเป็นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของสว. ย่อมกลายเป็นความหวั่นไหวที่รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย อดกังวลไม่ได้ว่าจะลุกลามไปถึง ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในสถานะนักโทษ ที่พักรักษาตัวอยู่บนชั้น14ที่โรงพยาบาลตำรวจ 
 
นอกเหนือไปจากการที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง จะต้องชี้แจงนโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ต จะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร รวมถึงนโยบายที่นายกฯเดินสายโปรโมท โครงการแลนด์บริดจ์บนเวทีต่างประเทศ ในขณะที่ในพื้นที่การดำเนินโครงการทั้งที่จ.ชุมพรและระนอง ยังมีเสียงคัดค้านจากภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์ 

 อย่างไรก็ดี ล่าสุดปีกรัฐบาล แสดงความพร้อมที่จะตอบทุกคำถามจากสว. ในเรื่องของการบริหารประเทศ แต่สัญญาณที่กำลังถูกจับตามองเมื่อ สว. ขยับ ก่อนหมดวาระลงในวันที่ 11 พ.ค.67 นี้ ย่อมไม่ใช่แค่ การทิ้งทวน ตามที่คนในรัฐบาลปรามาสเอาไว้เท่านั้น 

 เมื่อสว. ที่เข้าชื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 153 โดยไม่มีการลงมตินั้น ย่อมไม่หวังผลที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในรัฐบาลอยู่แล้ว แต่นี่คือสว.ในกลุ่มเดียวกันกับที่เคยยกมือโหวตลงมติสนับสนุนให้เศรษฐา ได้เป็นนายกฯคนที่ 30  ทั้งที่สว. ในปีกนี้อยู่ในปีกของ 3ป. ขั้วอำนาจเดิม ซึ่งยืนตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย 

 แน่นอนว่า สว.กลุ่มที่สังกัด 3ป. ย่อมได้สัญญาณไฟเขียว ไม่เช่นนั้นการที่จะยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯจากฝั่งตรงข้ามไม่มีทางเกิดขึ้นได้ 
 
ดังนั้นการขยับใช้มาตรา 153 ซักฟอกรัฐบาล จึงไม่ใช่วาระตรวจสอบกันตามปกติ หากแต่นี่คือสัญญาณ ที่จะส่งไปถึง คนบนชั้น14 ให้ทบทวนและใคร่ครวญว่า ดีลพิเศษ ที่เปิดทางให้มีการจับมือข้ามขั้วนั้น ใกล้จะ หมดเวลา แล้วหรือไม่ !?