การใช้กลไกนิติบัญญัติเพื่อตรวจสอบ “รัฐบาล” โดย “98สว.” โดยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไป ตามมาตรา 153  ก่อนที่ “250สว.” จะหมดวาระลงในวันที่ 11 พ.ค.67 นี้ แม้ฝ่ายรัฐบาลเองจะหวั่นไหว และกังวลน้อยกว่า เมื่อเทียบน้ำหนักกับการขยับจาก “ฝ่ายค้าน”  

แต่ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์ที่ “ฝุ่นตลบ” รัฐบาล ภายใต้การนำของ “พรรคเพื่อไทย” กำลังรับมือกับแรงเสียดทาน เมื่อนโยบายเรือธงอย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ไม่เพียงแต่จะต้อง “ขยับ” ออกไปจากไทม์ไลน์เดิม ในเดือนพ.ค. นี้เท่านั้น

ยังกลายเป็นว่า ปีกรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการคลัง ต้องพากัน “ถอยร่น” ด้วยเหตุนี้ รัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ต้องการเปิดแนวรบหลายด้านในเวลาเดียวกัน  เพราะอย่าลืมว่า สว. ระบุแล้วว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รอบนี้วางเป้าชำแหละทั้งเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต และ กรณี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯไม่เคยติดคุกเลยสักวันเดียว

การตอบคำถามของรัฐบาลในจังหวะที่ทิศทางลมไม่เอื้อ ไม่เป็นใจเช่นนี้ กำลังถูก “เขย่าซ้ำ” ด้วยข่าวลือที่สร้างความหวั่นไหว เมื่อการพักโทษของทักษิณ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์เคยออกมาแถลงแล้วว่า ทักษิณ มีคุณสมบัติ เข้าเกณฑ์  นั่นคือการ “ล้มดีล”  ระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ “กลุ่มอำนาจเก่า” ที่เคยไฟเขียวเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย ของทักษิณ ได้จัดตั้งรัฐบาล และส่ง “เศรษฐา ทวีสิน” เข้ามานั่งเป็น “สร.1”

“ดีลลับ”  ในวันวาน อาจไม่ยั่งยืน และยาวนานมากพอ ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ตั้งการ์ด เตรียมรับมือ !

การที่ทักษิณ มีคดีเก่า เพิ่มขึ้นมาใหม่ จากกรณีที่อัยการสูงสุดเคยมีความเห็นสั่งฟ้องในความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งจะต้องมีการอายัดตัว ตามมา โดยเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งไปยังอัยการสูงสุด 7วัน หากให้มีการพักโทษ ได้จริง และจากความเคลื่อนไหวที่มีประเด็นเรื่องความเป็นไปของทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องนี่เอง กำลังถูกจับตาว่า พรรคเพื่อไทย จะต้องปรับโหมดกับการเปลี่ยนแปลงที่แรงกดดัน ที่มาจากดีลลับ ด้วยหรือไม่

พรรคเพื่อไทย แม้จะอยู่ในฝ่ายบริหาร เป็นแกนนำรัฐบาล และได้ทักษิณ กลับมาสู่ประเทศไทย หลังต้องไปอยู่ในต่างแดนนานถึง 17ปี แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า จนถึงนาทีนี้ อาจยังไม่ใช่ “ผู้กำหนดเกม”  ตัวจริงอยู่ดี !