ความหวัง ของพรรคเพื่อไทย เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กลับมาอยู่ในเมืองไทย คือการทำให้พรรคแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยเป็น  ยังต้องรอการพิสูจน์ว่าความหวังจะกลายเป็นจริงได้หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า เมื่อวันนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้สู้กับ “ฝั่งอนุรักษ์นิยม” พรรคการเมืองขั้ว 2 ลุงอีกต่อไป 


 ทว่า คู่แข่งของพรรคเพื่อไทย คือ “พรรคก้าวไกล” ที่แม้ “สถานะ” ทางการเมืองยังไม่มั่นคง ชะตากรรมของพรรคก้าวไกล ยังต้องลุ้น จะถูกยุบพรรคหรือไม่ จาก “สารตั้งต้น” ที่คำวินิจฉัยในคดีล้มล้างการปกครอง มาตรา 112 ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า คนของพรรคก้าวไกล เองกลับมุ่งหน้าไปเล่นใน “ภาคสนาม” มิหนำซ้ำยังมีแผนที่จะยึดเก้าอี้ “สภาสูง” เมื่อ “250 สว.” ชุดปัจจุบันที่มาจาก คสช. จะหมดวาระลง


 ยิ่ง ทักษิณ และคนใน “ครอบครัวชินวัตร” ยังคงเคลื่อนไหว ไม่หยุดหย่อน  หลังจากที่ได้รับการพักโทษ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” กลายเป็น ศูนย์อำนาจแห่งใหม่ เหนือ “ทำเนียบรัฐบาล” ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อ พรรคเพื่อไทยมากขึ้นเท่านั้น 


 ขณะที่พรรคก้าวไกลเอง ได้กำหนดสนามเล่นที่ตัวเองมีความได้เปรียบ ต่อยอด “ชัยชนะ” และผลคะแนนจากการเลือกตั้ง สส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ด้วยการ ส่งแกนนำพรรค รวมถึง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ลงไปเดินสาย ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกอบจ. ซึ่งจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในราวต้นปีหน้า  2568 
 พิธา เดินทางลงไปเปิดตัว “หมอโอ” นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตในนามพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่ง พิธา ได้กางข้อมูลจากการเลือกตั้งสส. ครั้งล่าสุด ในจ.ภูเก็ต ว่า พรรคสามารถกวาดสส.มาได้ 3 เก้าอี้ ชนะยกเกาะ คือ สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.เขต 1, เฉลิมพงศ์ แสงดี สส.เขต 2, และฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.เขต 3 ดังนั้นหาก หมอโอ ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกอบจ. ภูเก็ต ก็เท่ากับเป็นจิกซอร์ตัวสุดท้าย ของพรรคที่จะมีมือไม้ ทั้งในระดับชาติ และระดับพื้นที่ 


 “ จากสถิติการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 พ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ตมอบคะแนนความไว้วางใจให้พรรคก้าวไกลกว่า 100,000 คน คิดเป็นร้อยละ 75 ของผู้ใช้สิทธิทั้งหมด นั่นหมายความว่าคนภูเก็ต 100 คน มี 75 คนที่ลงคะแนนเลือกพรรคก้าวไกล” พิธา ระบุตอนหนึ่ง 


 การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ที่กำลังจะมีขึ้นในต้นปีหน้า คือเป้าหมายใหญ่ของพรรคก้าวไกล ที่มีโอกาสไม่น้อย ด้วยเพราะมีคะแนนจากการเลือกตั้งสส. เมื่อปี 2566 เป็น “ฐาน” ให้ก้าวขึ้นสูงได้ต่อไป และไม่ว่าพรรคก้าวไกล จะถูกยุบพรรคหรือไม่ ก้าวไกล ก็จะต้องหาทางยึดสนามระดับภูมิภาคเอาไว้ให้ได้ มากที่สุด

 
 ปรากฏการ “ส้มทั้งแผ่นดิน” จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ดูเหมือนพรรคก้าวไกล จะไม่ได้รอให้ถึงวันเลือกตั้งสส. ในอีก4ปีข้างหน้าเสียแล้ว ขณะที่ พรรคเพื่อไทยเองกำลังถูกบีบให้ต้องส่ง “ขุน” อย่างทักษิณ ลงมาชนกับพรรคก้าวไกลด้วยตัวเอง ไม่ว่าทักษิณ จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม !