ดูจะกลายเป็นเรื่อง “ขัดใจ” เมื่อ “พรรคก้าวไกล” กลับลำ เอาเสียดื้อๆ !

 โดยล่าสุด ได้ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า “ฝ่ายค้าน” จะไม่ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลเสียแล้ว อ้างว่า รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้เพียง 6เดือน และที่สำคัญ ยังไม่ได้ใช้ “เงินงบประมาณ” ด้วยซ้ำ 

 “ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล”  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 27 ก.พ.67 ระบุว่า “ จากการหารือของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้พิจารณาไทม์ไลน์ของสภาผู้แทนราษฎร และการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของวุฒิสภาที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ 

 ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระ 2-3 ทำให้อาจจะยังไม่มีการอภิปรายซักฟอกของฝ่ายค้านในสมัยประชุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายทั่วไปหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 
 

แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสจะมีน้อยมาก เนื่องจากต้องยอมรับว่ารัฐบาลเพิ่งมา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ตัวเองเป็นคนจัดทำ” 
 การหักมุม เลี้ยวกลับของ พรรคก้าวไกล ดูจะเป็นเรื่องที่ประหลาด เพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ ก็เป็นแกนนำของก้าวไกลเองที่เคยออกมาส่งสัญญาณเองว่า อาจจะมีการนำประเด็นเรื่องการ “พักโทษ” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ามีอภิสิทธิ์ เหนือนักโทษคนอื่นๆ มาใช้ซักฟอก และถามไถ่กันในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย 


 แน่นอนว่า จากท่าทีของพรรคก้าวไกล ยิ่งเป็นการตอกย้ำและถูกตั้งคำถามตามมาว่า เป็นผลจาก “ดีลลับฮ่องกง” ที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ผู้มีอิทธิพลทางความคิด ของพรรคก้าวไกล บินไปพบ ทักษิณ ผู้กำหนดเกมของพรรคเพื่อไทย ในห้วงของการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ และที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ประเด็นเรื่องทักษิณ “พอเป็นพิธี” เท่านั้น 


 เมื่อพรรคก้าวไกล และพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “ประชาธิปัตย์” ใส่เกียร์ว่าง ไม่แตะทักษิณ กลางสภาฯ จึงเท่ากับว่าจะเหลือเพียง “98 สว.”ที่เข้าชื่อขอซักฟอกรัฐบาล ซึ่งดีเดย์คือวันที่ 25 มี.ค.นี้ เพียงด่านเดียว และอาจะเป็นด่านที่รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และตัวทักษิณ ไม่ได้หวั่นไหวมากนัก


 ทว่าเมื่อพรรคก้าวไกล เลือกที่จะไม่แตะทักษิณเช่นนี้นั้น เพราะก้าวไกลเอง ไม่ต้องการพาตัวเองไป “เข้าทาง” ขั้วอำนาจเก่า ฝั่งอนุรักษ์นิยม ที่ต้องการให้ ทั้ง “แดง” และ “ส้ม” รบกันเอง  และในเวลานี้ ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายแดง คือพรรคเพื่อไทย บอบช้ำมากกว่าใครเพื่อน 


 ไม่ว่าส้มจะชนะแดง หรือแดง จะคว่ำส้ม ก็ล้วนแล้วแต่เป็น ผลในทาง “บวก” ต่อฝั่งอนุรักษ์นิยมทั้งสิ้น ดังนั้น นี่จึงอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ ส้มยังไม่ยอมล้มแดง ด้วยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในรอบนี้ !?