ประชาธิปัตย์ แม้จะมี 25 สส. 25 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร  แต่วันนี้การดำเนินบทบาท ฝ่ายค้าน คือความจำเป็น ที่ต้องยึดเอาไว้ให้มั่น !


 ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ เมื่อการที่ ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  ออกมาประกาศ สวนทาง กับพรรคก้าวไกล ว่าประชาธิปัตย์ยังต้องการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  แม้พรรคก้าวไกล จะส่ง สส. ในพรรคออกมาบอกว่าอาจจะไม่ยื่นซักฟอกรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้เพียง 6 เดือน และที่สำคัญ ยังไม่ได้ใช้ เงินงบประมาณ เลยด้วยซ้ำ 


  เรามีข้อมูลเพียงพออยู่แล้ว ผมบอกได้เลยว่ารัฐบาลนี้ไม่ต้องหาข้อมูลอะไรเยอะ โดยเฉพาะข้อมูลที่นายกฯเคยให้สัญญาไว้กับประชาชนแล้วไม่ได้ทำ ให้ตอบสังคมให้ได้ก่อนมีหลายเรื่องอยู่แล้ว


  แต่พรรคประชาธิปัตย์มี 25 เสียงเรายื่นอภิปรายไม่ได้อยู่แล้ว ต้องให้พรรคแกนนำฝ่ายค้านคือพรรคก้าวไกลเป็นผู้เริ่มยื่นอภิปราย ชัยชนะ บอกกับสื่อ 
 ในความเป็นจริงแล้วทั้งพรรก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ ต่างมีบาดแผล และ จุดอ่อน ที่ทำให้สังคมไม่ไว้วางใจ
 เมื่อพรรคก้าวไกล เข้าไปเกี่ยวข้องกับ ดีลลับฮ่องกง  เหมือนกับที่ พรรคประชาธิปัตย์เองที่ เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค บินไปพบกับ ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง เช่นกัน 


 หมายความว่าทั้งพรรคก้าวไกลและประชาธิปัตย์ ต่างมี ชนักติดหลัง ไม่ต่างกัน หากแต่แตกต่างกันตรงที่ว่า วันนี้สถานการณ์ของพรรคก้าวไกล  อยู่ในจุดที่ ได้แต้ม เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย และรู้ดีว่า โอกาสที่จะได้เห็น ก้าวไกล-เพื่อไทย จับมือกันตั้งรัฐบาลนั้นแทบไม่เกิดขึ้น ทั้งในเร็วๆนี้หรือวันข้างหน้า 
 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เองย่อมประสบปัญหา ทั้งในแง่การมีสส.ในมือ 25 เสียงยังไม่พอเข้าชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งต้องใช้ 100 เสียง  และดูเหมือนว่า พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยม และที่สำคัญ ไม่ติดปัญหาเรื่อง มาตรา 112 เหมือนกับพรรคก้าวไกล อีกทั้งยังเชื่อและมีความหวังอยู่ลึกๆว่า มีโอกาสถูกดึงเข้าร่วมรัฐบาล


 แต่ในระหว่างนี้ การดำเนินบทบาท ในฐานะ ฝ่ายค้าน จะย่อหย่อน หรือโอนอ่อน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพักโทษทักษิณ คงไม่เป็นผลดีต่อประชาธิปัตย์ แน่นอน แม้งานนี้ ไม่ว่าจะมีการเปิดซักฟอกรัฐบาล หรือไม่ก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ ยังถือว่า เสียหาย น้อยกว่า ก้าวไกล อยู่ดี !