ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนโดย “ซูเปอร์โพล” เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มี.ค.67 โดยประเมินผลงานรัฐบาล 6 เดือน ปรากฏว่า ผู้คนได้ให้โอกาส รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน”  นายกรัฐมนตรี ทำงานบริหารประเทศ “ครบเทอม” มากถึงร้อยละ  78.1 


 นอกจากนี้ ซูเปอร์โพล ยังชี้ว่า เศรษฐา ติดอันดับหนึ่งในทุกโผของการประเมินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การแก้ไขปัญหาปากท้อง


 เช่นเดียวกับ อีก 4 รัฐมนตรี ทั้ง  อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย  และภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ติด 1 ใน 5 ของทุกการประเมิน 
 ในขณะที่อันดับของรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละหน้างานของการประเมิน อย่าง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม  ที่ติดอันดับในการแก้ปัญหายาเสพติด และ วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมฯ ที่ติดอันดับในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สิน 


 หากประเมินจากผลการสำรวจผ่านซูเปอร์โพล น่าจะทำให้รัฐบาล และโดยเฉพาะตัวนายกฯเศรษฐา “อุ่นใจ” ได้บ้างว่า จะสามารถ “อยู่ครบเทอม” แม้ในทางการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” ตลอดเวลา 


 6เดือนที่ผ่านพ้นไป  อีกด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคน หลายกระทรวง ทั้งจากพรรคเพื่อไทยเอง ไปจนถึงพรรคร่วมรัฐบาล ที่หวุดหวิดจวนเจียนจะอยู่ในข่าย “รัฐมนตรีโลกลืม”  ขณะเดียวกัน กลับพบว่าภายในแต่ละพรรคเอง ต่างต้องการให้ปรับเปลี่ยน “รัฐมนตรี” เพื่อหาจังหวะหมุนเวียน “คนใหม่” ในพรรคเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกันบ้าง 
 ด้วยเหตุนี้จึงมีรายงานว่า กระแสข่าวการปรับครม. นั้นแท้จริงแล้ว ก็น่าจะมาจาก “คนใน” ของแต่ละพรรคที่ “ปล่อยข่าว”เพื่อหวัง “เขย่ากันเอง”  เป็นหลัก

 
 อย่างไรก็ดี สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว การปรับครม. ย่อมแตกต่างไปจากธรรมเนียมปฏิบัตของพรรคอื่นโดยสิ้นเชิง  เพราะถนนทุกสายต่างมุ่งหน้าไปยัง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เท่านั้น ใครจะอยู่หรือไป ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ทั้งสิ้น 


 เช่นเดียวกับตำแหน่ง “นายกฯ” เมื่อ สถานการณ์ทางการเมือง “สุกงอม” มากพอ ที่ทักษิณ จะมั่นใจได้ว่า เมื่อส่ง “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้ามานั่งนายกฯคนใหม่ แล้วจะเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหมือนเมื่อครั้ง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวของตนเอง 


 ทิศทาง ทางการเมือง วันนี้ใช่ว่าจะอยู่ในสภาวะที่ไว้ใจใครได้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงวันที่ “250 สว.” จะหมดวาระลงในวันที่ 11 พ.ค.นี้ โอกาสที่ จะมีการทวงสัญญา จาก “ดีลลับ” เพื่อแลกให้ทักษิณ ได้กลับบ้าน ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น ก่อนที่จะไม่มีสว.ยกมือโหวตเลือกนายกฯ นับจากนี้ !