ทั้ง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล  อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ต่างประสานเสียงในท่วงทำนองเดียวกันว่า เหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อได้ฟังคำพิพากษาจาก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  ยกฟ้อง คดีจัดโรดโชว์ ไทยแลนด์ 2020 ด้วยมติเอกฉันท์ 9 ต่อ0


 และที่น่ายินดีมากกว่าใคร ย่อมเป็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ซึ่งเคยเป็น จำเลยที่ 1 จากคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง การจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2022 วงเงิน 240 ล้านบาท ว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือไม่ 


 คดีนี้ยืดเยื้อและถูกจับตามาโดยตลอด เนื่องจากมี อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยที่ 1 และศาลเคยออกหมายจับเอาไว้ แต่เมื่อคำพิพากษาล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 ชี้ว่า ยิ่งลักษณ์ และจำเลยทั้งหมด รวมถึงบุญทรง และสุรนันทน์ ไม่มีความผิด ไม่พบว่ามีเจตนา เอื้อประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ศาลยังสั่ง เพิกถอนหมายจับ ของยิ่งลักษณ์ ด้วย 

 เท่ากับว่า คดีที่เคยเป็นชนักปักหลังอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ คดีการจัดโรดโชว์ไทยแลนด์ 2020 ได้ยุติลงแล้ว และหมายจับได้หมดไปอีกหนึ่งคดี 
 แน่นอนว่า เมื่อผลจากคำพิพากษาออกมาเช่นนี้  ไม่เพียงแต่จะส่งผลทำให้ยิ่งลักษณ์ พ้นบ่วงคดีสำคัญ ไปอีกหนึ่งเรื่องเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันยังเป็นเสมือน สัญญาณบวก ในทางการเมือง ต่อคนในครอบครัวชินวัตร ตามรอย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนที่ 23 ซึ่งเพิ่งได้รับการ พักโทษ กลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า พักผ่อนตามเกมที่วางเอาไว้อีกด้วย !


 แม้ยิ่งลักษณ์ ยังมีคดีสำคัญที่ค้างอยู่ นั่นคือคดีจำนำข้าว ซึ่งยังไม่หมดอายุความทั้งทางแพ่งและอาญา ก็ตามแต่เมื่อในห้วง 3เดือนที่ผ่านมานี้  ปรากฏว่า ยิ่งลักษณ์ รอด ปลอดโปร่งไปแล้วด้วยกัน 2 คดีติดต่อกัน


   โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา ให้ ยกฟ้อง-ถอนหมายจับ ในคดีที่ยิ่งลักษณ์ ถูกกล่าวหาว่าทำผิดมาตรา 157 กรณีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยมิชอบ โดยศาลชี้ว่า ไม่มีเจตนาทุจริต  ซึ่งงานนี้ถวิล ขอสู้ต่อ ด้วยการยื่นอัยการสูงสุดเพื่อขออุทธรณ์ต่อ 


 อย่างไรก็ดี การได้รับสัญญาณบ่งชี้ในทางที่เป็นบวกสำหรับยิ่งลักษณ์ เช่นนี้ย่อมทำให้เธอเองถูกจับตาว่า จะเลือกตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย ตามรอยพี่ชาย อย่างทักษิณ ได้แล้วหรือไม่  เพราะไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็ดูเหมือนว่า สถานการณ์ จะ เป็นใจ ไปทุกประตู  


 แต่ทั้งนี้ เมื่อยิ่งลักษณ์ เองยังเหลือคดีจำนำข้าว ที่ยังมีหมายจับอยู่นั้น การที่จะเลือกตามรอยพี่ชาย กลับไทย ก็ต้องมีความมั่นใจมากพอว่าจะไม่ถูกนำตัวเข้าเรือนจำ แม้แต่วันเดียว เหมือนกับอดีตนายกฯทักษิณ เท่านั้น ส่วนการที่จะกลับมาแล้วจะกลายเป็น ชนวนร้อน ทางการเมืองรอบใหม่ได้หรือไม่นั้น ดูจะเป็นเรื่องน่าห่วงน้อยกว่า เพราะ มือไม้ และ ดีลลับ จะยังคงทำหน้าที่ต่อไป !