วาระการยุบพรรค กำลังกลายเป็น เรื่องร้อนๆ ที่ดูเหมือนว่า ไม่เพียงแต่ “ก้าวไกล” เท่านั้น เพราะอย่าลืมว่า “พรรคภูมิใจไทย” ใช่ว่าจะรอดพ้นไปด้วยเช่นกัน แม้ในรายของพรรคภูมิใจไทยจะแตกต่างจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่ได้มี “สารตั้งต้น” มาจากคดีล้มล้างการปกครอง มาตรา 112 
    
และนอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย เองยังมีคำร้องที่ต้องรอลุ้น ว่าจะถูกยุบพรรคตามมาด้วยหรือไม่ จากกรณีการหาเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมา 2566 พรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนการแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112
    
พรรคก้าวไกล อยู่ในภาวะที่ล่อแหลม และสุ่มเสี่ยง  เนื่องจาก คดีล้มล้างการปกครองนั้น “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้เคยมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า ทั้ง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ และพรรคก้าวไกล ร่วมกันเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย ให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ในสภาฯ และยังนำไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา เข้าข่ายการกระทำล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
    
เพราะเท่ากับว่า พรรคก้าวไกลนั้นเจอ “ดาบแรก” ไปแล้วคือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงทำให้พรรคก้าวไกล ในส่วนของสมาชิกพรรคและ “ด้อมส้ม” มีความกังวลมากกว่าพรรคอื่นๆ เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีการตั้งพรรคสำรอง เตรียมรอเอาไว้ หากที่สุดแล้วพรรคถูกยุบขึ้นมาจริง
    
ขณะที่ในรายของพรรคภูมิใจไทยนั้น มีกรณี ความผิดของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” อดีตรมว.คมนาคม และอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย  ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า สิ้นสุดสภาพการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หลังจากได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่มาก่อนหน้าตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.66 เนื่องจากกระทำความผิด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี มาตรา 4(1)คงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น 
    
โดยบริษัทบุรีเจริญฯ ยังเคยบริจาคเงินสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย หมายความว่า เงินที่พรรคภูมิใจไทยได้รับบริจาคมา จึงเป็น “เงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” หรือไม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 
    
ดังนั้น เวลานี้มี 3 พรรคการเมืองที่ยังโลดแล่นอยู่ในสังเวียนการเมืองกำลัง “ติดบ่วงคดี” ที่มีโทษรุนแรงถึงขั้น “ยุบพรรค”  ซึ่งหากมีการยุบพรรคเกิดขึ้นจริงๆแล้ว  จะเป็นการ “รีเซ็ต” การเมืองกันใหม่หมดทั้ง กระดานหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ สื่อและสาธารณชน เท่านั้นที่มีข้อสงสัย หากแต่ ฝ่ายการเมืองเอง ต่างพากัน “จับสัญญาณ” และเงี่ยหูรอฟังความไม่ปกติ เหล่านี้ด้วยกันทั้งสิ้น !