เสรี พงศ์พิศ

Fb Seri Phogphit

โควิดเหมือนพายุใหญ่พัดผ่าน ไม่นาน การเดินทางถูกลง การประชาสัมพันธ์ โซเชียลมีเดีย ทำให้การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาทั่วโลก ส่งผลกระทบจนหลายเมืองหลายประเทศเริ่มคิดหนัก ประเมินผลดีผลเสีย

การที่เมืองอย่างเวนิสในอิตาลี มีประชากร 260,000 คน มีนักท่องเที่ยวปีละ 30 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวเมือง บ้านที่เคยให้คนท้องถิ่นเช่าก็กลายเป็น Airbnb ให้นักท่องเที่ยวพัก คนเวนิสต้องอพยพย้ายออกไปอาศัยนอกเมือง ค่าครองชีพแพงขึ้น กลายเป็นการแย่งกันอยู่ แย่งกันกิน แย่งกันหายใจ

แทนที่จะส่งเสริมให้เพิ่ม เวนิสจึงมีมาตรการลดจำนวนนักท่องเที่ยว จำกัดการพักในเมือง จำกัดจำนวนเรือสำราญใหญ่เข้าเทียบท่า การเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน”  และมาตรการอื่นๆ เพื่อ “การท่องเที่ยวที่รับผิดชอบ” (responsible tourism)

เมือง Dubrovnik ในโครเอเชียมีประชากรเพียงสี่หมื่นกว่าคน มีนักท่องเที่ยวปีละสองล้าน โด่งดังจากที่ปรากฏในภาพยนตร์ชุดมหาศึกชิงบัลลังก์ (Games of Thrones) ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

เทศบาลเมืองนี้จึงจำกัดการเข้าเทียบท่าของเรือสำราญ และจัดระบบตั๋วท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

อัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์มีประชากรไม่ถึงล้าน มีนักท่องเที่ยวปีละ 20 ล้านคน เริ่มมีมาตรการในการเช่าห้องพักแบบ Airbnb เพราะชาวดัชด์เองเริ่มหาที่พักในเมืองนี้ไม่ได้ เจ้าของจัดเป็น “บ้านโรงแรม” กันหมด เทศบาลจึงเพิ่มภาษีนักท่องเที่ยว และส่งเสริมที่ท่องเที่ยวนอกเมืองในพื้นที่คนยังรู้จักน้อย

ซันตอรีนีในกรีซ เกาะมหัศจรรย์ มีประชากรเพียง 15,000 คน แต่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละกว่า 2 ล้านคน เพราะความสวยงามของธรรมชาติ ความเป็นเมืองที่เก่าแก่ มีป่าหิน มีปล่องภูเขาไฟเก่า ที่ได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก เมืองล็กๆ แห่งนี้จึงมีมาตรการจำกัดการเทียบท่าของเรือสำราญ จำกัดการเข้าชม

เกียวโตของญี่ปุ่น อดีตเมืองหลวงพันปี มีประชากร 1.5 ล้านคน ก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวที่ทางจังหวัดทำสถิติไว้ 89 ล้าน ปีที่แล้วกว่า 70 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นเอง นักท่องเที่ยวต่างชาติมีประมาณ 3 ล้านคน เกียวโตเริ่มมีมาตรการ “จำกัด” และจัดระเบียบการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ทั้งด้วยจำนวนและค่าเข้าชม

เมืองต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการท่องเที่ยวได้รับผลดีทางเศรษฐกิจก็จริง แต่เมื่อมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม วิถีชวิต และโครงสร้างพื้นฐาน ก็จำเป็นต้องมีการ “จัดระเบียบ” การท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบและความยั่งยืน

ที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างของเมืองท่องเที่ยวบางแห่งเท่านั้น ความจริง ยังมีอีกมากมายในทุกประเทศ ที่พอมีการโปรโมทมากๆ นักท่องเที่ยวก็ “แห่” ไปเที่ยวไปชมกัน อย่างกรณีอ่าวมาหยาของไทย ในเกาะพีพีเล หนึ่งในหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ที่โด่งดังจากภาพยนตร์ The Beach นำแสดงโดย Leonardo Di Caprio

อ่าวมาหยาสวยงามมากดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ส่งผลกระทบจนต้อง “ปิด” เพื่อให้ทะเลได้ฟื้นฟูตัวเอง เมื่อกลับมาเปิดก็เพียงระยะเวลาจำกัดเท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้ผลดีต่อสภาพแวดล้อม

ความจริง สถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละประเทศมีมากมาย อยู่ที่ว่าจะมีการส่งเสริมมากน้อยเพียงใดเท่านั้น ประเทศต่างๆ จึงเริ่มตื่นตัวในการส่งเสริมทางเลือกเพื่อการท่องเที่ยวที่กระจายมากขึ้น เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว “นอกฤดู” โดยการลดราคาค่าโดยสาร จัดอีเวนต์ และนำเสนอเรื่องราวดีๆ ที่ดึงดูดให้คนไปเที่ยวชม

มีการส่งเสริมการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยวนิเวศ กีฬาผจญภัย การท่องเที่ยวกินดื่ม ประสบการณ์ในชนบท โดยเฉพาะท่องเที่ยวชุมชน ส่งเสริมสถานที่ที่คนรู้จักน้อย 

ส่งเสริมคลัสเตอร์ท่องเที่ยวหลายพื้นที่ต่อกัน เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งขยะลงทะเล ภูเขา ที่ลับตาคน การขีดเขียนในโบราณสถาน การดำน้ำทำลายแนวปะการัง และอื่นๆ ที่เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่รับผิดชอบ

นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยส่วนใหญ่ก็มากรุงเทพฯ ไปภูเก็ต กระบี่ สมุย พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา สุโขทัย ไม่ค่อยไปจังหวัดต่างๆ ซึ่งน่าจะไปท่องเที่ยวอีกมาก ถ้าหากมีการส่งเสริมจริงจัง ทั้งการประชาสัมพันธ์ แรงจูงใจอื่นๆ เช่นการเดินทาง ที่พักที่ไม่แพง และเสน่ห์เฉพาะถิ่น

เช่นถ้าจังหวัดสกลนครส่งเสริมการท่องเที่ยว ก็ควรมีปฏิทินตลอดปี ให้บริษัททัวร์ นักท่องเที่ยวมาเองทั้งเทศและไทยจะได้รู้ช่วงฤดูที่มีการจัดงานเทศกาล หรือถ้าอยากมาตลอดปีก็จะได้พบเห็นอะไร

เช่น ทุกสุดสัปดาห์สกลนครจะมีอาหาร “สี่สหายมหัศจรรย์” วัวดำ หมูดำ ไก่ดำ กระต่ายดำ ที่ได้รับการส่งเสริมจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีเนื้อโคขุนโพนยางคำ มีอาหารท้องถิ่นอย่างแกงหวาย อ่อมหวาย มีน้ำหมากเม่าอันลือชื่อว่าดีต่อสุขภาพ มีตลาดนัดผ้าย้อมครามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เที่ยวเหนื่อยเมื่อยก็มีที่นวด มีน้ำสมุนไพรให้ดื่มดีมีแฮง มีการแสดงมวยไทยโบราณ ซึ่งหาดูที่อื่นไม่ได้

มีโบราณสถานใกล้เมืองสกลนครอย่างพระธาตุนารายณ์เจงเวง และอำเภอใกล้เคียงอย่างพระธาตุภูเพ็ก  สกลนครเป็น “เมืองพระ” ที่หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น และเกจิอาจารย์อีกหลายองค์เคยจำวัดและมรณภาพ มีวัดที่ร่มเย็นไปทำสมาธิกรรมฐาน ได้ความสงบจากโลกที่ร้อนแรง

หรือไม่ก็ไปท่าแร่ ห่างจากตัวเมือง 20 กม. ชุมชนชาวคาทอลิกใหญ่สุดของประเทศพร้อมอาสนวิหารสวยงาม บ้านตึกทรงโคโลเนียล ผังชุมชนเป็นระเบียบแบบตะวันตก ทิวทัศน์หนองหารเห็นภูพานอยู่เบื้องหลัง

ถ้ามีเวลาก็เลยไปนครพนม ไปไหว้พระธาตุพนม เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง กินปลาเนื้ออ่อนน้ำโขงก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ เย็นวันอาทิตย์ ก็เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างชาติก็จะมีความสุข

ทั้งรัฐบาล ส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่นคงต้องร่วมมือประสานกัน ที่สำคัญคือ “การกระจายอำนาจ” เพื่อให้ท้องถิ่นมีอำนาจและงบประมาณพัฒนาตนเองด้วย “การกระจายการท่องเที่ยว” (decentralized tourism) คือ  “ประชาธิปไตยการท่องเที่ยว” (democratized tourism) ที่ทุกคนมีส่วนร่วม