เสือตัวที่ 6

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. ....เมื่อต้นเดือนกุมภาโดยเป็นร่างกฎหมายที่จัดทำขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 และเป็นร่างกฎหมายสำคัญตามแผนปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีเจตนารมณ์ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยที่มีความเปราะบางและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิทางวัฒนธรรม เกิดความเหลื่อมล้ำอันเป็นสาเหตุของความขัดแย้งรุนแรงในสังคมไทย ทั้งยังมีเจตนารมณ์ให้เป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิทางวัฒนธรรมเป็นสำคัญ ของชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศอย่างเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ โดยเน้นสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย สร้างพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมในสังคมพหุวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้คนในสังคมประเทศรวมทั้งการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มวัฒนธรรมต่างๆ ในการพัฒนาประเทศร่วมกันอย่างยั่งยืนทั้งนี้ ถือเป็นกฎหมายชาติพันธุ์ฉบับแรกของประเทศ ที่วางหลักการในการคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ส่งเสริมให้ทุกกลุ่มชาติพันธุ์มีสำนึกความเป็นไทย และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.คุ้มครองวิถีชีวิตของกลุ่มคนตามหลักสิทธิทางวัฒนธรรม 2.ส่งเสริมศักยภาพให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยยู่ในพื้นที่นั้นๆ มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนบนฐานทุนทางวัฒนธรรม 3.สร้างความเท่าเทียมอย่างเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

หากแต่ประเด็นสำคัญในร่างกฎหมายฉบับนี้นั้น ทุกฝ่ายต้องเข้าใจตรงกันว่าเจตนารมณ์ของร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่ให้ความเสมอภาคเท่าเทียมทางชาติพันธุ์ หาใช่เป็นการให้สิทธิพิเศษใดๆ แก่กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้ทำอะไรตามอำเภอใจไม่หากแต่เป็นการกำหนดหลักการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มคนในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินไทยในฐานะชุมชนดั้งเดิม รวมทั้งกำหนดแนวทางในการส่งเสริมศักยภาพของคนกลุ่มชาติพันธุ์นั้นๆ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม โดยทุกฝ่ายต้องตระหนักรู้และเข้าใจร่วมกันว่ากฎหมายฉบับนี้ คือ การสนับสนุนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีบนฐานเศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรม เป็นหลักประกันให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีความมั่นคงในชีวิต สามารถประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยทุนทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และทุนวัฒนธรรมที่หลากหลาย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ใช่การให้โอกาสในการบริหารอำนาจการปกครองพื้นที่ได้โดยอิสระอันอาจส่งผลกระทบต่ออธิปไตย รวมทั้งบูรณภาพแห่งอาณาเขตซึ่งจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติโดยรวม

ร่างกฎหมายดังกล่าว ยังถูกตอกย้ำให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้อย่างชัดเจนโดยผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นกฎหมายที่มุ่งส่งเสริมให้สังคมเรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ให้เกิดความเข้าใจ ยอมรับและเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม ไม่ดูถูกเหยียดหยามทางวัฒนธรรม วางรากฐานทางความคิดให้คนไทยเห็นคุณค่าของความหลากหลาย มีทักษะชีวิตที่จะดำรงอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างทั้งทางชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อ วัยและเพศวิถี เป็นประโยชน์ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยให้หลุดพ้นจากการเป็นสังคมเปราะบางที่มีปัจจัยเสี่ยงจากความแตกต่างๆ เหล่านั้นที่อาจทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งรุนแรงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นเงื่อนไขฉุดรั้งการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ

28 ก.พ.67 สภาผู้แทนราษฎร มีวาระสำคัญเร่งด่วน ในการพิจารณาร่างกฎหมายชาติพันธุ์รวม 5 ฉบับ ทั้งนี้ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาลได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของการเสนอร่างกฎหมายฉบับรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า เพื่อให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง และส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ และให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มุ่งให้ความคุ้มครองสิทธิของชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีสิทธิเสมอภาคอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ให้มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคมตามวิถีชีวิต และวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างสงบสุข และเพื่อคุ้มครอง ส่งเสริมความเสมอภาคแก่ทุกกลุ่มชาติพันธุ์โดยมีประเด็นสำคัญยิ่งคือ กฎหมายดังกล่าวจะต้องไม่ถูกใช้เพื่อประโยชน์ต่อผู้ไม่หวังดีด้านอื่น และจะต้องไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ในขณะที่มี สส.บางส่วนอที่อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ แต่ขอให้ระมัดระวังการกระทำใดๆ ที่อาจหมิ่นเหม่ต่อความเป็นรัฐเดียวซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะหากไม่รอบคอบในการนำกฎหมายฉบับดังกล่าวไปใช้และหรือการนำกฎหมายฉบับนี้ไปใช้ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก็อาจนำไปสู่การฉกฉวยโอกาสนี้ไปใช้ในทางที่มิควรจนกระทั่งเกิดแตกแยกในสังคมประเทศได้ ดังนั้นการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวก็จะต้องคำนึงถึงมิติด้านความมั่นคงของชาติเป็นอย่างมากด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางความคิดที่มีรากเหง้าของความเห็นต่างอย่างรุนแรงจนกระทั่งนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดจนเกิดการต่อสู้ด้วยอาวุธมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ที่วันนี้ยังมีความเข้มข้นของการต่อสู้กับรัฐด้วยการหยิบยกเงื่อนไขการต่อสู้กับรัฐด้วยการกล่าวอ้างอย่างบิดเบือนในประวัติศาสตร์เชิงบาดแผล รวมทั้งการบิดเบือนเรื่องความเป็นชาติพันธุ์เฉพาะคนในพื้นที่ที่มุ่งเน้นการถูกกดขี่ข่มเหงและการยึดครองจากรัฐมาอย่างยาวนาน ทั้งมีการเรียกร้องในประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากจะต้องมีกฎหมายที่สร้างความเสมอภาคกับคนไทยทุกกลุ่มบนความหลากหลายเชิงพหุวัฒนธรรม สร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของตนแล้ว ทุกฝ่ายจะตระหนักว่า การคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ต้องเน้นให้ทุกกลุ่มชาติพันธุ์มีสำนึกความเป็นไทยอย่างเข้มข้นด้วย