รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

 “งานการพยาบาลเป็นงานที่ต้องเสียสละ ดูแลใกล้ชิดกับผู้ป่วยและญาติ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ใน การเฝ้าระวัง สังเกตการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วย เพื่อวางแผนประสานงานให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย ทุเลาอาการเจ็บป่วย ขอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ออกแบบระบบงาน สร้างนวัตกรรมทางการพยาบาลให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล ให้เกิดความคล่องตัว แบ่งเบาภาระงานที่มีมากเกินกว่าอัตรากำลังพยาบาลที่” (กล่าวโดยดร.สาธิต ปิตุเตชะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2563)

จากคำกล่าวข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า วิชาชีพพยาบาลต้องทำงานหนักทุ่มเททั้งพลังกายและใจ ต้องทำงานกับคนหลากหลาย และต้องเรียนรู้ปรับตัวให้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมเพื่อนำมาปรับใช้ในงานการพยาบาลให้ดีมากขึ้น เพราะวิชาชีพพยาบาลได้รับผลกระทบหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สังคมสูงวัย การแพร่ระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและกฎระเบียบ โมเดลการดูแลสุขภาพแบบเน้นคุณค่าผู้ป่วย การไม่กีดกันการเข้าถึงการดูแลสุขภาพจากภูมิหลัง เพศสภาพ เชื้อชาติและศาสนา

ดังนั้น การสร้างทัศนคติให้กับพยาบาลมืออาชีพจึงถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะส่งเสริมให้พยาบาลผู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้ตรงตามเป้าหมายและตระหนักถึงคุณค่าของผู้ป่วยที่เป็นผู้ให้โอกาสให้ได้ทำงานอย่าง
มืออาชีพ

สำหรับทัศนคติที่จำเป็นของพยาบาลมืออาชีพในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย

1. ความเห็นอกเห็นใจและการเอาใจใส่ (Compassion and Empathy) ความเห็นอกเห็นใจและการเอาใจใส่เป็นทัศนคติพื้นฐานในการพยาบาล ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำความเข้าใจถึงประสบการณ์ของผู้ป่วย การบรรเทาความทุกข์ทรมาน และการให้การดูแลแบบองค์รวม พยาบาลที่แสดงความเห็นอกเห็นใจจะทำให้ผู้ป่วยไว้วางใจ และสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์ (Nelson, 2016)

2. ความเคารพและให้เกียรติ (Respect and Dignity) พยาบาลควรปฏิบัติต่อผู้ป่วยทุกคนด้วยความเคารพและให้เกียรติ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง ความเชื่อ หรือสภาวะสุขภาพ การเคารพในความเป็นอิสระและความชอบของผู้ป่วยจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในการรักษาและส่งเสริมการดูแลโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (American Nurses Association, 2015)

3. ความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม (Cultural Sensitivity) ความอ่อนไหวทางวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับการรับรู้และการเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้ป่วยและครอบครัว พยาบาลควรมุ่งมั่นที่จะเข้าใจบรรทัดฐาน ความเชื่อ และแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมเพื่อให้มีการดูแลตระหนักถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมและส่งเสริมความเท่าเทียมด้านสุขภาพ (Campinha-Bacote, 2011)

4. ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) ความเป็นมืออาชีพครอบคลุมความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และหลักจริยธรรมในการปฏิบัติทางการพยาบาล พยาบาลควรยึดมั่นในมาตรฐานวิชาชีพ รักษาความลับ และรักษาความไว้วางใจที่ผู้ป่วยและสาธารณชนมอบให้ (Finkelman & Kenner, 2016)

5. การเปิดใจกว้างและความยืดหยุ่น (Open-mindedness and Flexibility) การปฏิบัติการพยาบาลเป็นแบบไดนามิกและมักคาดเดาไม่ได้ ทำให้พยาบาลต้องเปิดใจกว้างและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ การเปิดรับแนวคิด มุมมอง และแนวทางปฏิบัติใหม่ ๆ ที่อิงหลักฐานเชิงประจักษ์จะช่วยพัฒนานวัตกรรมและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วย (Gaudine & Lamb, 2015)

6. การทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม (Collaboration and Teamwork) การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วย เพราะการประสานงานภายในสถานพยาบาลมีความซับซ้อน พยาบาลควรให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกัน สื่อสารอย่างมีประสิทธิผลกับสมาชิกในทีมสหวิทยาการ และมีส่วนร่วมในวัฒนธรรมของการเคารพและสนับสนุนซึ่งกันและกัน (Gardner, 2005)

7. การล้มแล้วลุกเร็วและการมองโลกในแง่ดี (Resilience and Optimism) การพยาบาลอาจเป็นเรื่องท้าทายทางอารมณ์ โดยต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน การสูญเสีย และสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง พยาบาลควรปลูกฝังความยืดหยุ่น กลยุทธ์ในการรับมือ และทัศนคติเชิงบวกในการจัดการกับความเครียด ฟื้นตัวจากความล้มเหลวให้รวดเร็ว และรักษาความเป็นอยู่ที่ดี (Mealer et al., 2012)

8. การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเติบโตทางวิชาชีพ (Lifelong Learning and Professional Growth) พยาบาลควรยอมรับความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาทางวิชาชีพเพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพ และเพิ่มพูนความรู้และทักษะ การมีส่วนร่วมในการศึกษาต่อเนื่อง การได้รับประกาศนียบัตร และการแสวงหาโอกาสในการให้คำปรึกษาจะสนับสนุน
การเติบโตอย่างต่อเนื่องและความก้าวหน้าทางอาชีพ (Giddens & Crossley, 2019)

นอกจากทัศนคติที่พยาบาลมืออาชีพต้องมีแล้ว การทำงานให้บรรลุผลในยุคดิจิทัลเพื่อคงความเป็นพยาบาลมืออาชีพก็ต้องมี
การอบรมและเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อยกระดับทักษะหรือพัฒนาทักษะใหม่ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานพยาบาลด้วยเช่นกัน สำหรับทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานของพยาบาลมืออาชีพ อาทิ ทักษะทางคลินิก การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสื่อสารที่มีประสิทธิผล ภาวะผู้นำและการจัดการ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการปรับตัว การล้มแล้วลุกเร็วและการดูแลตัวเอง และทักษะทางดิจิทัลหรือเทคโนโลยี

พยาบาลมืออาชีพในยุคดิจิทัลเป็นหน้าต่างของการมีสุขภาพดีถ้วนหน้า และเป็นที่พักพิงของผู้ป่วยและญาติ พยาบาลต้องพัฒนาตัวเองในทุกวัน!!!