เสือตัวที่ 6 อย่างที่ทราบกันดีของบรรดานักเกาะติดความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จชต. และนักความมั่นคงทั้งหลาย ว่า ความพยายามในการป่วนเมืองเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ ให้สังคมโลกเห็นถึงเหตุการณ์ไม่ปกติของบรรดาแกนนำขบวนการร้ายปลายด้ามขวานที่มีความเห็นต่างอย่างสุดโต่งกับรัฐนั้น ยังคงดำรงอยู่ต่อไป รอเพียงจังหวะเวลาและโอกาสที่จะลงมือกระทำความเสียหายสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่จะมาถึงเมื่อไร คนเหล่านี้ไม่ได้ลังเลใจที่จะกระทำการใดๆ ในการก่อความเสียหายทำลายความสงบสุขและทำลายอนาคตที่ดีของบรรดาลูกหลานในพื้นที่ท้องถิ่นให้พังพินาศลงแม้จะเป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมนุษย์ปุถุชนปกติธรรมดาทั่วไปพึงหลีกเลี่ยงก็ตาม คนหัวคิดรุนแรงเหล่านี้คิดเพียงว่า จะก่อเหตุร้ายทำลายความสงบในพื้นที่เพื่อสนองความต้องการที่ถูกหล่อหลอมกล่อมเกลาให้เคียดแค้นชิงชังต่อคนเห็นต่างกับกลุ่มตนอย่างไร้ความปราณี ดังเช่นเหตุการณ์ที่กลุ่มก่อความไม่สงบหัวรุนแรงสุดโต่งกลุ่มหนึ่ง เข้ายึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อปฏิบัติการโจมตีฐานปฏิบัติการของชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ในช่วงส่งท้ายปี 61 ทั้งที่โรงพยาบาลถือเป็นพื้นที่ที่พึงละเว้นจาการโจมตีใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่ขัดแย้งฝ่ายใดในสถานการณ์สงครามหรือความขัดแย้งทุกชนิด และควรเป็นพื้นที่ที่ต้องอยู่เหนือความรุนแรงใดๆ ในการต่อสู้ของทุกกลุ่มทุกฝ่าย เฉกเช่นพื้นที่สาธารณะอื่นๆ เช่น เขตโรงเรียน ตลาด หรือชุมชน เพราะเป็นสถานที่หรือพื้นที่ที่ไม่มีคู่ขัดแย้ง และในทางตรงข้าม ผู้คนที่อยู่ในโรงเรียน ก็จะเป็นเด็กและเยาวชนผู้บริสุทธิ์ เป็นอนาคตของท้องถิ่นนั้นๆ ในการสร้างสรรค์ความเจริญให้พ่อแม่พี่น้องในพื้นที่ในอนาคต และพื้นที่ตลาดหรือชุมชน ก็เป็นผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยเพื่อการดำรงชีพและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้หรือคู่ขัดแย้งใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานที่ที่เป็นโรงพยาบาลนั้น เป็นสถานที่ที่ผู้คนที่มาอยู่ ณ ที่นั้น ก็เป็นผู้ที่เจ็บป่วยอยู่แล้ว ซึ่งต้องการมาใช้บริการของรัฐ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ดังกล่าว จึงเป็นสถานที่ที่นานาอารยะประเทศให้การตกลงยอมรับกันว่า โรงพยาบาล จะต้องเป็นสถานที่ที่ได้รับการยกเว้นการต่อสู้หรือการทำลายใดๆ อย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งยานพาหนะเพื่อใช้ในการรับ-ส่งผู้ป่วยที่เรียกว่ารถพยาบาลก็ต้องละเว้นจาการโจมตีใดๆ ทั้งสิ้น ตลอดจนบุคคลของคู่ขัดแย้งที่มีเครื่องหมายอันเป็นสัญลักษณ์ของพยาบาล ก็ต้องได้รับการละเว้นจากการทำร้าย ด้วยไม่ใช่บุคคลที่เป็นคู่ต่อสู้ เหล่านี้เรียกว่า ความมีมนุษยธรรมของการต่อสู้ในความขัดแย้งใดๆ ก็ตาม ที่นักก่อเหตุร้ายของโลก ยังต้อง “คิดหนัก” ในการลงมือก่อการร้ายในโรงพยาบาล เพราะมันจะได้ไม่คุ้มเสียกับมวลชนหรือแนวร่วมขบวนการในที่สุด การงดเว้นการโจมตีในสถานพยาบาลจึงเป็นกติกาสากล ที่ทั่วโลกยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นคู่ขัดแย้งฝ่ายใดก็ตามในโลกใบนี้ แต่กติกานี้กลับถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยช่องว่างของการวางใจของเจ้าหน้าที่รัฐที่คิดว่า กติกาสากลนี้ จะเป็นที่ยอมรับและปฏิบัติตามของกลุ่มคนเห็นต่างจากรัฐในปลายด้ามขวานด้วย เพราะเหตุการณ์บุกยึดโรงพยาบาลส่งท้ายปี 61 นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นแล้วกับโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปี 59 ครั้งนั้นทุกฝ่ายก็ออกมาประณาม และเรียกร้องให้พื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเป็น "พื้นที่ควรยกเว้นความรุนแรง” หรือ “พื้นที่การยกเว้นการโจมตีใดๆ” แต่สุดท้ายก็มีกลุ่มคนร้ายในขบวนการแห่งนี้ ที่ “คิดน้อย” ไปมากทีเดียว ในการลงมือบุกยึดโรงพยาบาลเพื่อก่อความไม่สงบในพื้นที่ขึ้นมาอีก ดังที่ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า "จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ขัดแย้ง หรือพื้นที่สงครามก็แล้วแต่ สถานพยาบาล โรงเรียน และสถานที่เปราะบางทั้งหลาย รวมไปถึงผู้หญิง เด็ก คนชรา ครู และ บุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังติดอาวุธทุกฝ่ายจะต้องไม่ทำอะไรกับสถานพยาบาล เพราะสถานพยาบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร ฉะนั้นการใช้พื้นที่โรงพยาบาลไปโจมตีค่ายทหาร จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง"  การกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบในการบุกยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาสครั้งนี้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่มีมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานปกติที่คนธรรมดาทั่วไปพึงจะมีเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่โรงพยาบาลในพื้นที่ ควรเป็นสถานที่ที่ให้การดูแลพี่น้องประชาชนคนในพื้นที่ท้องถิ่นให้หายจากอาการเจ็บป่วย มีสุขภาพอันเป็นปกติ ซึ่งพี่น้องประชาชนทุกเพศทุกวัยทุกกลุ่มคนในพื้นที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพาอาศัยหมอ พยาบาล เครื่องเวชภัณฑ์ และยารักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มใด บุคลากรทางการพยาบาลและสถานพยาบาล จึงต้องได้รับการคุ้มครองจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้สามารถอยู่ให้การดูแลสุขภาพคนในท้องถิ่นได้ต่อไป แม้การกระทำของคนร้ายกลุ่มนี้ ที่มีต่อโรงพยาบาล จะถูกประณามจากคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย แม้กระทั่งประชาคมโลกมุสลิม ตลอดจนเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่พยายามเป็นตัวกลางในการอำนวยความสะดวกในการพุดคุยเพื่อสันติสุข จะร่วมกันประณามการกระทำของคนร้ายในขบวนการแห่งนี้ก็ตาม ก็อาจไม่มีผลให้คนร้ายหัวคิดรุนแรงสุดโต่งแห่งนี้มีความสำนึกผิดชอบชั่วดีไปได้ เพราะขึ้นชื่อว่า คนร้าย ก็คือคนร้ายที่ไม่มีสำนึกในความเลวร้ายที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิมในท้องถิ่น การกระทำของคนร้ายกลุ่มนี้ จึงเข้าขั้นวิกฤตทางความคิดที่ยากจะเยียวยา หากแต่จะมีอีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ มวลชนคนในท้องถิ่นแห่งนี้เอง ได้ตระหนักรู้ ทำความเข้าใจรับรู้อย่างจริงแท้แน่นอนแล้วว่า ในขณะที่รัฐกำลังพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มีความสุขความเจริญก้าวหน้า กำลังให้การดูแลส่งเสริมสุขภาพร่างกายของพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังด้วยการจัดตั้งโรงพยาบาลประจำตำบลในพื้นที่ปลายด้ามขวาน เพื่อให้พี่น้องทุกหมู่เหล่าในแผ่นดินนี้ สามารถเข้าถึงการบริการของรัฐด้านสุขภาพได้อย่างถ้วนหน้า แต่กลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อ้างอนาคตที่มองไม่เห็น และใช้กำลังเข้าทำลายสิ่งที่ดีงามของรัฐที่กำลังหยิบยื่นให้คนในพื้นที่เหล่านั้นให้พังพินาศลง เหล่านี้เองจึงเป็นกระแสตีกลับไปยังกลุ่มโจรใต้ที่หวังจะทำลายความสงบสุข ให้พี่น้องในพื้นที่เห็นชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง และใครเป็นผู้ทำลาย ซึ่งนั่นจะทำให้พี่น้องมวลชนในพื้นที่ถอยห่างจากขบวนการร้ายแห่งนี้ มาสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของรัฐมากขึ้น