ชัยวัฒน์ สุรวิชัย ข้อคิดปีใหม่ 2562 : “เราไปงานศพตัวเองไม่ได้” เป็นหัวข้อ ที่ปู่จิ๊บคิดนาน กว่าจะมาลงตัว ปีเก่า 2561 จากไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ แล้วก็เริ่มต้นปีใหม่ 2562 แล้วปี 2562 ผ่านไป เราก็จะมาเริ่มต้นปีใหม่ 2563 คนอายุวัยนี้ 70 เวลาที่เหลือ ก็น้อยลงน้อยลง แล้วในที่สุด ก็ไปพบกับ เพื่อนมิตร คนคิดต่าง ที่จากไปก่อน ฉะนั้น การกล่าวอวยพรปีใหม่ที่ดีถูกต้องอย่างหนึ่ง คือ การพูดถึง “ตายก่อนตาย” ที่เป็นสัจจะธรรม “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ปีนี้ ปู่จิ๊บ ไปงานศพเพื่อนมิตรหลายคน ที่จากไป เกิดจาก “โรคภัยไข้เจ็บ” ที่ตัวเองได้ก่อกรรมทำไว้ บางปี เกิดจากอุบัติเหตุ ที่ไม่คาดฝัน ไม่ตั้งใจ ทั้งเราก่อเอง หรือ คนอื่นมาก่อให้เรา “สุขภาพดี ต้องสร้างเอง ไม่มีขาย และ ซื้อไม่ได้” เรื่องนี้เป็นหัวใจสำหรับชีวิต โดยเฉพาะคนรุ่นชราฯ บางคน มีอาการมาก่อน ก็พอรู้ตัวเอง : สามีภรรยาหรือครอบครัว จักเตรียมตัวจัดการสิ่งสำคัญไว้ล่วงหน้า เพื่อไว้ว่า “เมื่อเราจากไป ครอบครัวหรือคนอยู่ข้างหลังจะได้ไม่เดือดร้อน หรือไม่ยุ่งยาก “ :ทำกันหรือยัง แต่มีบางคน ดูภายนอกแข็งแรงดี ทั้งตัวเองและครอบครัว เชื่อว่า คงจะได้อีกยาวนาน : ก็มาด่วนจากไป เพราะ หลายโรค มันหลบมันซ่อนอยู่ในร่างกาย มันกัดกินทำลาย “ส่วนประกอบของชีวิต” โดยเราไม่รู้ตัว เราไม่รู้ หมอก็บอกไม่ได้ เพราะไม่มีอาการฯ ไปตรวจสุขภาพประจำปี ก็ยกนิ้วชู “กูยังแข็งแรงดีอยู่” เพราะ “ วัยแห่งความเสื่อม: บอกว่า อวัยวะและส่วนต่างๆของร่างกายเสื่อมลง ส่วนสร้างใหม่ไม่มี ไม่ทัน” แต่ ข่าวเทคโนโลยี่ AI และความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ จึงออกข่าวมาว่า “ขอให้รักษาอายุไว้อีก10 ปี” เพราะ ต่อไปนี้ จะรู้หมด อวัยวะส่วนไหนเสื่อม :จะมีการซ่อมมีการสร้างใหม่มาทดแทนได้ทันกาล, ก็ฟังไว้ • ปีหน้า ก็คงจะมีการไปงานศพ มากขึ้นไปเรื่อยๆ จนเหลือคนรองสุดท้าย , หาก เราอยู่เป็นคนสุดท้าย เรายังสามารถไปงานศพ หรือนั่งรถเข็น หอบสังขาร ไปงานศพเพื่อนมิตรได้ การไปงานศพเพื่อนสนิทมิตรสหาย เป็นเรื่องที่ดีงดงาม เป็นประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของเราคนไทย ไปส่งเพื่อน สู่สุคติ ได้แสดงความเสียใจกับภรรยาหรือสามีหรือคอรบครัวของคนตาย บางคน ก็ถือ โอกาสไปเจอเพื่อน มากันเยอะ(แต่จะเริ่มน้อยลง ) มาสังสรรค์กัน เพราะ ไม่ได้เจอกันมานาน ปัจจัยที่ทำให้เรา ไปร่วมงานศพเพื่อนได้ เพราะ “เรายังมีชีวิตอยู่ ส่วนเพื่อนที่เราไปงาน เขาตายแล้ว” ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ ปู่จิ๊บไปแทบทุกงาน “งานฌาปนกิจศพเพื่อนเก่าแก่” ทั้งที่คิดเหมือนและคิดต่าง ฯ ไปเพราะ “เขาเธอ เป็นเพื่อนฉัน “และ “ ฉัน เป็นเพื่อนเขาเธอ “ นี่คือ สิ่งที่มิตรให้มิตรในวันสุดท้ายของชีวิต • สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการไปงานศพ คือ ไปเข้าใจธรรมชาติ “ เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ( ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ) แต่โดยส่วนตัว “ปู่จิ๊บ” จะรำลึกถึง 1. ป๋าแม่ ผู้มีบุญคุณที่สุดในชีวิต เป็นผู้ประเสริฐสุด นอกจากให้กำเนิดแล้ว ยังเหน็ดเหนื่อย หากินอย่างซื่อสัตย์สุจริต(ในการค้าขายเลี้ยงครอบครัว ) แล้ว ยังสอนสั่งด้วยวาจาใจและการปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ส่งลูกเรียนที่โรงเรียนและสอนที่บ้าน,แต่แสดงความรักความห่วงใยตลอดชีวิต ทั้งๆที่เราโต เก่ง มีความรู้มากแล้ว แต่ “ เรายังเป็นลูกเสมอ และป๋าแม่ ก็ยังคงเป็นพ่อแม่ ตลอดมาและตลอดไป แม้ความตายจะมาพราก” 2.ครูบาอาจารย์หลวงพ่อ ผู้มีบุญคุณให้ความรู้ในชีวิต และให้ธรรมแก่จิต : ให้เป็นคนดีมีความรู้มีคุณธรรม 3. พ่อหลวงของชาวไทย +สถาบันสำคัญของบ้านเมือง+คนไทยที่รักกตัญญูแผ่นดินฯลฯ ที่ร่วมสร้างชาติมา 4. เพื่อนมิตร ทั้งเก่าใหม่ ที่ให้ความเป็นเพื่อนมิตร ห่วงหาอาลัย คิดถึงช่วยเหลือสนับสนุนกันในยามทุกข์สุข แต่มีเพื่อนสนิทมิตรสหายบางส่วนบางช่วงของสถานการณ์การต่อสู้ที่แหลมคม 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519, การเข้าป่าสู้รบกับอำนาจรัฐไทย 2519-2524 ,17 พฤษภา 2535 , ตุลา 2540 (รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน)พธม.2549-2551 , องค์การพิทักษ์สยาม 2554 , กปปส. 2556-2557 จนมาถึงปัจจุบัน( นปช.เพื่อไทย ทำลายการประชุมอาเซียน+ 6 (2552 )การเผาบ้านเผาเมือง ( ปี 2553 )ในช่วงการต่อสู้ที่แหลมคม เอาชีวิตเป็นเดิมพัน และพี่น้องเรา ทุกฝ่าย ได้เสียชีวิตไปจากสถานการณ์หลายคนมีข้อสรุปอย่างหนักแน่น ว่า “ เขาเธอ คือ สหาย ที่รักกันสุดลึกล้ำ ตายแทนกันตาย”แต่เมื่อเวลาผ่านไป ที่ลมการเมืองลมหวลทางความคิด อคติอวิชชาเก่าใหม่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนความรู้สึกเมื่อมิตรร่วมรบในครั้งหนึ่ง กลับหันหน้ามาเผชิญหน้ากันทิ่มแทงกัน โดยต่างอ้างหลักการ ความคิด อคติของตนส่วนหนึ่ง หันกลับมาเจอ เพื่อนมิตรเก่าวัยเรียนวันทำงาน ที่ไม่ดุเดือดเร้าใจ แต่ ความเป็นมิตรยังอยู่คงมั่นฉะนั้น พอมองออกไหม ความเป็นเพื่อนมิตร คืออะไร? , หากรู้ ต้องรีบแก้ไข ก่อนที่เราจะจากกัน ไปสู่สุคติ ข้อสรุป เอาความรักความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน : นำหรือมาก่อน ความคิดหรืออคติทางการเมือง เพราะ ความรักความเป็นเพื่อนเป็นของจริงของแท้ ขณะความคิดทางการเมือง มีทั้งความจริงและความเท็จดีที่สุด เพื่อนที่มีความรู้มีสติปัญญา แนะ “รวมความคิดทางการเมืองเพื่อส่วนรวม+ ความรักแท้ระหว่างมิตร” • แต่ความจริงคืออะไรเล่า? เราเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ลมพัดกลับทิศทางต้องกลับมาสรุป ในช่วงมีชีวิต ก่อนที่เพื่อนจะไปงานศพเรา ว่า “ อะไร เมื่อไหร ทำไม อย่างไร “ ขั้นต้น การดูเพื่อน นิสัยธาตุแท้ ต้องดูทั้งยามสู้รบ และยามปกติ จึงจะเห็นภาพรวมของความจริง เรารู้ว่า 1. เราเกิดมาแล้ว 2. เราเริ่มแก่แล้ว 3. เราเจ็บมาแล้ว , ที่ไม่รู้ คือ “ เราตายแล้ว “ • ตายทางธรรม มาก่อน ตายทางโลก , ทางธรรม คือ การคิดดีปฏิบัติชอบ หรือ การคิดไม่ดีปฏิบัติไม่ชอบ เกิดตั้งแต่เรามีชีวิต เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ คนชรา เราได้แสดงออกซึ่ง ความคิดการทำ ดี หรือ ชั่วฉะนั้น หากเราอยากให้คนชื่นชม ยกย่อง เมื่อจากไป , ในยามมีชีวิต เราต้องคิดดีทำดีแต่หากเราคิดไม่ดีทำไม่ดี นอกจากตายไปแล้ว คนรุ่นหลังก็จะสวดด่าไล่หลังตั้งแต่ศพยังไม่ได้เผา ไปตลอด • การสรุปบทเรียน บททวน ความดีความถูกต้อง และที่สำคัญ คือ ความผิดความไม่ดี ที่เราก่อไว้ต้องปรับแก้ตัวเองและช่วยมิตรแก้ไข : แม้ว่า “ สันดานของมัน เป็นอย่างนี้ แก้ไม่ได้ดอก แก่เกินแกงแล้ว “การแก้ไขปรับปรุงตัวเอง มันเป็นเรื่องที่โครตง่าย และ โครตยาก ง่าย : เพราะ เป็นเรื่องที่ตัวเราเอง เป็นผู้กระทำ เป็นผู้แก้ไข ใช่ ใครอื่น ยาก : นิสัย หรือ สันดาน มันสะสมวันแล้ววันเล่า มีอีโก้ แมงโก้ ฟักแกง แตงโม อารมณ์ความรู้สึก ทับถม ตัวเอง จึงมองไม่เห็น ดูไม่ออก ว่า “ เพื่อนมิตร เขารู้สึก ขยะแขยง นิสัยไม่ดี ของเรา อย่างไร “หรือ ยิ่งคนมีอีโก้หนัก Ego Ego Ego คิดว่า “ ตัวเอง เก่งแน่ พูดเก่ง พูดมันส์ ด่าคนได้แสบสัน พวกชอบใจหรือ ขีดเขียน ใช้เวลาไม่นาน ก็พิมพ์ออกมาเป็นเล่ม อ้างว่าขายได้ หารู้ไหมว่า “ เขาซื้อเพราะเกรงใจ แล้ววางไว้ เพื่อนมิตรคนสนิท อยากจะช่วยแนะนำ ก็ไม่ฟัง กลับกล่าวหาเพื่อนมิตรหรือน้องนุ่ง ก็ยากแล้ว ท่านคงต้องปล่อยให้เขาเจอ “ อะไรที่แรงมากๆ ที่ทำให้เขารู้สึกตัว “ แต่อาจจะปรับตัวได้ เมื่อเป็นตะกอนเป็นผงแล้ว • มรณัสสติอันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีอมตะเป็นที่สุด 1. ภิกษุใดเจริญมรณัสสติว่า : เราคงอยู่ได้ตลอดคืนหนึ่ง วันหนึ่ง ชั่วขณะที่ฉันบิณฑบาตมื้อหนึ่ง หรือชั่วขณะที่เคี้ยวคำข้าวสี่คำ เราควรมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค และกระทำกิจให้มาก ภิกษุเหล่านี้เป็นผู้ประมาท เจริญมรณัสสติเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายช้า 2. ภิกษุใดเจริญมรณัสสติว่า : เราคงอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่เคี้ยวข้าวหนึ่งคำ หรือชั่วขณะที่หายใจเข้าออก เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค และกระทำกิจให้มาก ภิกษุเหล่านี้เป็นผู้ไม่ประมาท เจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายอย่างแรงกล้า การเจริญมรณัสสติ สูตรที่ 1 https://www.youtube.com/watch?v=llp697cmSx เจริญมรณัสสติอย่างไร? พระพุทธองค์ จึงกล่าวว่าเป็นผู้ไม่ประมาท https://www.youtube.com/watch?v=FHCvB1WRfy4