ชัยวัฒน์ สุรวิชัย เรามาศึกษาทำความเข้าใจเรื่องสุขภาพต่อ เรื่องสุขภาพ เรามี 2 ทาง คือ การสร้างเสริม ( ทำ ) และ การป้องกัน ( ไม่ทำในสิ่งที่ทำลายสุขภาพ) 6 วิธีคลายเครียดก่อนเข้านอน 1. การผ่อนลมหายใจ โดยเริ่มจากการหายใจเข้าทางจมูก แล้วนับ 1-5 ในใจ จากนั้นก็ปล่อยลมหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ พร้อมกับนับ 1-10 ในใจ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที เราจะรู้สึกว่าร่างกายจะค่อยๆผ่อนคลายลงและจะช่วยให้หลับได้อย่างสบาย 2. จิบน้ำผึ้งสักครึ่งช้อนชา อาจจิบน้ำผึ้งเพียวๆ หรือผสมน้ำอุ่นแล้วค่อยๆจิบก่อนนอน เพียงประมาณ 5 นาทีหลังจากจิบน้ำผึ้งจะรู้สึกผ่อนคลาย เพราะน้ำผึ้งน้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆโดยจะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารซีโรโท ซึ่งเป็นสารที่ส่งผลให้รู้สึกผ่อนคลาย 3. อาบน้ำก่อนนอน การแช่ตัวในน้ำอุ่น หรืออาบน้ำอุ่นก่อนนอน จะช่วยคลายอาการเมื่อยล้า และช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากความเครียดได้ จึงช่วยให้หลับสบาย 4. ทำมือให้อุ่น เมื่อเราเครียดมือของเรามักจะเย็น การทำมือให้อุ่นจะสามารถลดความตึงเครียดลงได้ ก่อนนอนลองหาอ่างใส่น้ำอุ่นเล็กๆ แล้วเอามือแช่ในน้ำสักครู่ เราจะรู้สึกถึงความสบายและผ่อนคลายซึ่งจะทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น 5. ดนตรีบำบัด ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เปิดเพลงทำนองเบาๆ ฟังสบายๆ ขณะนอน หรือจะเป็นเสียงธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกสงบ เยือกเย็น เช่น เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ค่อยๆหลับตาแล้วปล่อยให้เสียงนั้นขับกล่อม 6. ดื่มนมก่อนนอน ในนมมีกรดอะมิโนที่เรียกว่า ทรัยป์โตฟาน ช่วยให้นอนหลับสบาย และยังมีแคลเซียมสูง ช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้จิตใจสบาย บางคนบอกว่าการดื่มนมอุ่นๆ ช่วยคลายเครียด และหายอ่อนเพลีย วิธีการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมของมนุษย์จะต้องประสบทั้งความทุกข์และความสุขปะปนกัน ไป ดังนั้น การมีสุขภาพจิต ที่เข้มแข็งย่อมจะสามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้ดียิ่งขึ้น เราจึงควรมีวิธีการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งอาจมีวิธีการพอสรุปได้ดังนี้ 1. รู้จักและทำความเข้าใจตัวเองให้ดีที่สุด ศึกษาจุดเด่น ความสามารถพิเศษในตัวเองเพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ อย่างเหมาะสมที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องทางกฎหมายและศีลธรรม ยอมรับจุดด้อยของตนเอง ปรับตัวให้เข้า กับสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม ใช้ความสามารถของตัวเองให้เกิดประโยชน์แก่สังคม กล้าเผชิญปัญหาด้วยความสุขุม 2. ฝึกทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส มองโลกในแง่ดี ฝึกเป็นคนสุขุมรอบคอบ ไม่ใจร้อน โกรธง่าย มีอารมณ์ขันไม่เอาจริงเอาจังกับทุกอย่างจนเกินไป แต่ไม่ควรหมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระ พยายามฝึกทำอารมณ์ให้สงบ ไม่หวั่นไหวง่าย 3. ฝึกรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจกว้าง รับฟังเหตุผลมากกว่าอารมณ์ พิจารณาถึงปัญหาต่าง ๆ ด้วยเหตุผล และข้อมูลหลาย ๆ ด้าน ไม่ควรโทษตัวเองหรือผู้อื่นด้วยอารมณ์ 5. ปรับปรุงตนเองให้เข้ากับคนอื่นได้ ทำตนให้เป็นที่รักของคนทั่วไป โอบอ้อมอารี จริงใจต่อผู้อื่น ยินดีช่วยเหลือ มีน้ำใจต่อผู้อื่น ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง ผู้อื่น และสังคม ลดความเห็นแก่ตัว 6. บำรุงรักษาสุขภาพทั้งกายและจิตใจให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ ทำงานพอเหมาะ พักผ่อนให้เพียงพอ 6. หาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยึดถือคำสอนในศาสนาที่ตนนับถือ เพราะคำสอน ในศาสนาจะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งจิตใจให้สงบ เยือกเย็น มีสติปัญญา ไม่หลง โกรธ มัวเมาในสิ่งไม่เป็นประโยชน์ สุขภาพจิตก็จะดีอยู่เสมอ 7. เมื่อมีปัญหาหรือมีความเครียดทางจิตใจ ควรหาโอกาสผ่อนคลาย ด้วยการทำงานอดิเรก ออกกำลังกายจะทำให้มีจิตใจที่สบายขึ้น 8. ฝึกบริหารจิตใจ ฝึกทำสมาธิ ทำจิตใจให้ว่าง เป็นการทำให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถเข้าใจตนเองและปรับปรุงตนเองได้เสมอ เมื่อมีปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ จะสามารถพิจารณาได้อย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง 7 สาเหตุที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำร่างกายคนเรามีระบบภูมิต้านทาน หรือภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นด้วยตัวเอง แต่บางขณะก็รู้สึกได้ด้วยตัวเองเช่นกันว่า ภูมิต้านทานต่ำลง ส่วนใหญ่เพราะเราป่วย แต่สาเหตุที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำหรือทำให้เราป่วยนั้น โดยหลักแล้วมีต้นเหตุมาจากไม่กี่เรื่อง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เราสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดได้ถ้ารู้ล่วงหน้า ความเสี่ยง 7 ประการที่ว่าและควรระวังมีดังนี้ 1. ชอบทานหวาน อาหารรสหวานไม่เพียงแต่เพิ่มน้ำหนัก แต่การทานน้ำตาลในปริมาณ 100 กรัม หรือเทียบเท่ากับปริมาณน้ำอัดลม 3 ขวด จะทำให้การทำงานของเม็ดเลือดขาวลดลง และร่างกายต้องใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงหลังจากนั้น ในการการทำลายเชื้อแบคทีเรีย 2. ดื่มน้ำไม่พอ เวลาไม่สบายแพทย์มักจะบอกว่าให้เราดื่มน้ำบ่อยๆ เพราะร่างกายของเราต้องการน้ำ เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย ถ้าร่างกายได้รับปริมาณน้ำเพียงพอจะสังเกตได้ว่าเมื่อปัสสาวะจะมีสีเหลืองอ่อนจางๆ 3. น้ำหนักตัวมากเกิน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมีผลเสียต่อภูมิต้านทาน ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลและเกิดการอักเสบได้ง่าย จากการศึกษาพบว่าผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ร้ายแรงคือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปเนื่องจากระบบภูมิต้านทานต่ำ ทำให้ความสามารถในการต้านทานต่อเชื้อโรคต่ำลง 4. ดื่มน้ำไม่สะอาด จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆได้ โดยเฉพาะน้ำที่ปนเปื้อน เช่น นัำที่ปนเปื้อนสารหนู ทำให้เกิดโรคมะเร็งและทำให้ภูมิต้านทานลดลงเป็นหวัดได้ง่าย 1. จมูกแห้ง แม้ว่ารู้สึกไม่สบายตัวเมื่อมีน้ำมูกไหล แต่น้ำมูกไหลเป็นอาการต่อสู้ป้องกันตัวเองของโรคหวัด เสลดหรือเสมหะช่วยจับไวรัสให้หมดไปจากร่างกาย หากโพรงจมูกแห้งเกิน เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย แต่หากความแห้งของจมูกเกิดจากการเปลี่ยนของอากาศ อาจจะต้องช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่โพรงจมูก หรือใช้เครื่องช่วยเพิ่มความชื้นให้แก่อากาศ ซึ่งควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ 6. ตกอยู่ในภาวะเครียดจัด การเผชิญกับความเครียดเป็นเวลายาวนานทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง และหากเราเครียดในขณะที่เป็นหวัดจะทำให้อาการทรุดลงได้ด้วย 7. เป็นหวัดบ่อย นั่นแสดงว่าภูมิต้านทานอยู่ในภาวะการทำงานไม่เต็มที่ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ และการทานอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้ภูมิต้านทานกลับมาดีได้ การวางแผนดูแลสุขภาพตนเองและบุคคลในครอบครัว เป็นเรื่องที่มีคุณค่าอย่างยิ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ตัวของเราและบุคคลในครอบครัวเกิดความกระตือรือร้นในการดูแลสุขภาพแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดสัมพันธภาพอันดีระหว่างสมาชิกทุกคนในครอบครัว เกิดความรักในครอบครัวซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างดี อันจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต การที่จะมีสุขภาพดีได้นั้น สุขภาพของตนเองหรือของบุคคลในครอบครัว ไม่ใช่เป็นสิ่งเกิดขึ้นได้ด้วยความบังเอิญ หากแต่จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนในการดูแลสุขภาพล่วงหน้าซึ่งจะช่วยให้เกิดผลดี ดังนี้ 1. สามารถที่จะกำหนดวิธีการหรือเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของตัวเราเอง หรือบุคคลใน ครอบครัวได้อย่างเหมาะสม 2. สามารถที่จะกำหนดช่วงเวลาในการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม 3. เป็นการเฝ้าระวังสุขภาพทั้งของตนเองและบุคคลในครอบครัว ไม่ให้ป่วยด้วยโรคต่างๆ 4. ช่วยในการวางแผนเรื่องของเศรษฐกิจและการเงินในครอบครัว เนื่องจากไม่ต้องใช้จ่ายเงินไปในการรักษา 5. ส่งเสริมสุขภาพทั้งของตนเองและบุคคลในครอบครัว 6. ทำให้คุณภาพชีวิตทั้งของตนเองและสมาชิกในครอบครัวดีขึ้น หากเราทำได้เช่นนี้ แน่นอนว่า เราจะมีหลักประกันที่มากขึ้น ที่ทำให้ความตั้งใจความคาดหวังเป็นจริง