อีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นปี 2559 กำลังเข้าโค้งสุดท้ายจะผ่านพ้นไปเข้าสู่แดนปี 2560 ที่เห็นจุดเริ่มต้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งปีจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยังจำได้เลยว่าเมื่อเริ่มต้นปีใหม่ 2559 เพิ่งผ่านไปหยกๆ นี้เอง เสมือนเมื่อประมาณเดือนกว่าๆ เท่านั้น! อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าจะทำการ “สรุปข่าวเด่นปี 2559” ว่าเกิดอะไรขึ้นและอาจต้องว่ากันต่อหลังปีใหม่ และแน่นอน “การคาดการณ์” ว่าปี 2560 จะเป็นอย่างไรเกิดอะไรขึ้นคงต้องติดตามกัน ปี 2559 นี้ดูเสมือนว่ามีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นเยอะมาก โดยขอมุ่งเน้นที่ภาคตะวันออกกลาง (MIDDLEEAST) ที่มีแต่ศึกสงครามเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะ “ประเทศซีเรีย” กับ “เมืองอเลปโป (ALEPPO)” ที่เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มรัฐบาลกับกลุ่มกบฏที่เพิ่งจะ “ยุติสงคราม” หรือ “สงบศึก” ลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ขอให้สงบจริงก็แล้วกัน “นายวิตาลี ชูร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ” ระบุเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ว่า ปฏิบัติการทางทหารทางฝั่งตะวันออกของเมืองอเลปโปของซีเรียได้ยุติลงแล้ว หลังกองกำลังของรัฐบาลซีเรียสามารถควบคุมพื้นที่สุดท้ายที่เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏได้ทั้งหมด โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทำความตกลงกับนักรบฝ่ายกบฏให้เดินทางออกจากพื้นที่ ขณะที่ตัวแทนฝ่ายกบฏได้ยืนยันว่ากำลังมีความตกลงดังกล่าวอยู่เพื่อเปิดทางให้พลเรือนสามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้ โดยพัฒนาการล่าสุดดังกล่าวอาจทำให้การสู้รบที่ยืดเยื้อมานานมากกว่า 4-5 ปี และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนยุติลง ขณะที่สายข่าวภาคพื้นระบุว่าไม่มีการทิ้งระเบิดหรือยิงสู้รบในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหประชาชาติและสหรัฐ ว่ารัฐบาลซีเรีย รวมถึงชาติพันธมิตรอย่างรัสเซียและอิหร่านต้องรับผิดชอบต่อการสังหารประชาชนในพื้นที่ และว่าจากข้อมูลล่าสุดยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารยุติลงแล้ว ขณะที่ประชาชนสามารถเลือกได้ว่าจะยังคงอยู่ในพื้นที่ต่อไปหรือออกไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์จากข้อตกลงด้านมนุษยธรรม พร้อมย้ำว่าไม่มีใครทำร้ายพลเรือน สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าวันที่ 14 ธ.ค. ว่า นายวิตาลี ชูร์กิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติแจ้งต่อยูเอ็นว่า การสู้รบในเมืองอเลปโป สมรภูมิใหญ่ของสงครามซีเรียที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 5 ปีได้ยุติลงแล้ว เมื่อกองกำลังฝ่ายกบฏบรรลุข้อตกลงที่จะถอนกำลังออกจากเมือง และเปิดทางให้พลเรือนที่สมัครใจออกไปได้ “จากข้อมูลที่ได้รับในชั่วโมงสุดท้าย ปฏิบัติการทางทหารในฝั่งตะวันออกของเมืองอเลปโปสิ้นสุดลงแล้ว สำหรับพลเรือน จะอยู่ในพื้นที่ต่อก็ได้ หรือจะย้ายไปยังที่ปลอดภัยก็ได้ พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ จะไม่มีใครทำร้ายพลเรือน” นายชูร์กินกล่าว ด้านผู้สื่อข่าวหลายคนในพื้นที่รายงานตรงกันว่าในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่มีเสียงระเบิดหรือการดวลปืนสู้รบแล้ว สมรภูมิอเลปโปเป็นยุทธศาสตร์หลักที่กองทัพรัฐบาลซีเรียหมายมั่นต้องทวงคืนให้ได้หลังจากหลายปีมานี้เมืองถูกแบ่งซีก “ฝั่งตะวันตกเป็นของรัฐบาล” ส่วน “ตะวันออกเป็นของกบฏ” กระทั่งไม่กี่เดือนมานี้ การสู้รบเป็นไปอย่างเข้มข้น ทัพซีเรียได้รับการสนับสนุนจากกองทัพรัสเซียที่เปิดฉากถล่มทางอากาศอย่างหนักและต่อเนื่อง ในช่วงท้ายของการสู้รบยูเอ็นเพิ่งได้รับรายงานว่า กองกำลังสนับสนุนรัฐบาลซีเรียสังหารพลเมืองที่ตกค้างอยู่ใน 4 พื้นที่ถึง 82 ราย ระหว่างรุกเข้ายึดพื้นที่ ในจำนวนนั้นเป็นเด็ก 13 ราย และสตรี 11 ราย แต่ทางรัสเซียปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง!” อะเลปโป(Aleppo) หรือ ฮะลับ (Halab) ในภาษาอาหรับ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นเมืองหลวงของเขตผู้ว่าราชการอะเลปโป ซึ่งเป็นเขตผู้ว่าราชการที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ มีประชากรอย่างเป็นทางการ 2,132,100 คน (ค.ศ. 2004) เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเลแวนต์ ร่วมหลายศตวรรษที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเกรตเตอร์ซีเรีย และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาณาจักรออตโตมัน รองจากอิสตันบูลและไคโร ตามประวัติของเมืองอเลปโป เป็นเมืองเก่าแก่และคลาสสิกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นเมืองที่เคยมี “อเลปโป ซุค” แปลว่า “ตลาดใต้ร่ม” สุดแสนคลาสสิกที่เป็นต้นกำเนิดห้างสรรพสินค้าดังของโลก ตลาดโบราณที่แสนมโหฬารใหญ่ขนาดนับความยาวได้ประมาณ 30 กิโลเมตร อะเลปโปยังเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดที่มีคนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุด มีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงต้นของ 6 สหัสวรรษก่อนคริสต์ศักราช ได้รับการกล่าวถึงในหินคูนิฟอร์มในเอบลาและเมโสโปเตเมียที่กล่าวถึง ความช่ำชองในการค้าและการทหาร และด้วยประวัติอันยาวนาน อาจเป็นสาเหตุให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับเมโสโปเตเมีย อะเลปโปซึ่งชาวอิตไทต์ได้เข้าครอบเมื่อประมาณ 2 พันปีก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาได้มีชนชาติต่าง ๆ ผลัดกันเข้ามามีอำนาจ จนถึง ค.ศ. 1517 ได้รวมอยู่ในจักรวรรดิออตโตมัน เมืองมีความโดดเด่น โดยเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางสายไหม ที่เป็นเส้นทางผ่านเอเชียกลางและเมโสโปเตเมีย เมื่อมีการสร้างคลองสุเอซขึ้นในปี ค.ศ. 1869 การทำการค้าจึงทำการทางทะเล เมืองอะเลปโปก็ค่อย ๆ เสื่อม ใน ค.ศ. 1918 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อังกฤษได้เข้ามายึดครอง และใน ค.ศ. 1920 มีฐานะเป็นรัฐหนึ่งของซีเรียซึ่งเป็นดินแดนในอาณัติของฝรั่งเศส จนกระทั่ง ค.ศ. 1925 จึงได้รวมกับดามัสกัสเป็นประเทศซีเรีย จริงๆ แล้วเมืองอเลปโปนี้เป็นเมืองที่สวยงามและเก่าแก่ เรียกว่า เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก ทั้งนี้น่าเสียดายที่เมืองทั้งเมืองถูกถล่มเสียย่อยยับที่เกิดจากสงครามกลางเมือง ซึ่งไม่น่าจะมีเมืองอเลปโปเมืองเดียว ว่าไปแล้วยังน่าจะมีเมืองเก่าแก่อีกหลายเมืองในตะวันออกกลางที่โดดถล่มแบบนี้ และแน่นอนที่สุด กลุ่มประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ที่นับวันจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในการเข้ามาครอบงำกลุ่มประเทศตะวันออกกลา...ติดตามแล้วน่าเห็นใจ!?!