แสงไทย เค้าภูไทย โพลสำรวจความนิยมตัวบุคคลที่จะมาป็นนายกฯบิ๊กตู่ยังนำเหมือนเดิม แต่คะแนนลดลง ขณะที่สุดารัตน์ เป็นรองเหมือนเดิมทว่าคะแนนเพิ่ม ส่วนคะแนนนิยมพรรค เพื่อไทยนำห่างขึ้้น แต่ยังไกลจากเสียงจัดตั้งรัฐบาล นิด้าโพล จัดทำโดยมหาวิทยาลัยนิด้า ทำการสำรวจความนิยมในบุคคลที่เสนอตัวเเป็นนายกรัฐมนตรีและความนิยมพรรค ครั้งล่าสุดเมื่อ 15 ก.พ. พบว่าพลเอกประยุทธ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรียังได้รับคะแนนนิยมสูงสุด 26.06 แต่ลดลงจากการสำรวจครั้งที่แล้ว 2-4 มกราคม 62 ที่ได้ 26.20 และดีกว่าผลสำรวจเมื่อ 20-22 พ.ย.61ที่ได้อันดับที่สอง 24.05% ขณะที่อันดับรองลงมายังเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคเพื่อไทย 24.01% คะแนนเพิ่มขึ้น 1.61% จากการสำรวจครั้งที่แล้ว 22.40% แต่ต่ำกว่าการสำรวจเมื่อ 20-22 พ.ย.61 ที่ได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 25.16%ความนิยมในด้านพรรค พรรคเพื่อไทยยังคงนำโด่ง 36.49%เพิ่มจากการสำรวจความเห็นครั้งก่อนที่ได้ 32.72% รองลงมาพลังประชารัฐ 22.57% จากครั้งก่อน 24.16% อันดับ 3 ประชาธิปัตย์ 15.21% ครั้งก่อน 14.92% อันดับ 4 อนาคตใหม่ 8.18% ลดลง จากครั้งก่อน 11.00% เสรีรวมไทย 4.97% จากครั้งก่อน 5.76% ความนิยมที่พรรคเพื่อไทยได้รับมากที่สุดนั้น มาจากภาคอิสาน ซึ่งมีเขตเลือกตั้งมากที่สุดในประเทศ โดยการสำรวจอิสานโพลจัดทำโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า เพื่อไทย-อนาคตใหม่-ไทยรักษาชาติ อยู่ที่ 44.8 – 21.2 – 7.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ที่ 7.4 เปอร์เซ็นต์ หากถือตามผลสำรวจของนิด้าโพลและโพลของสถาบันอื่นๆที่ผลสำรวจสอดคล้องกัน คือเลือกตัวนายกฯ ได้แก่ พลอกประยุทธ์ เลือกพรรคได้แก่เพื่อไทยแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง จะต้องมีการรวบรวมเสียงจากพรรคเเล็กพรรคน้อยกันชุลมุน มีการต่อรองกันหนักหน่วง พรรคเล็กจะมีค่าราคาแพงกว่าพรรคใหญ่ อย่างไรก็ดี หากผลโพลยังเป็นไปในรูปเดิมเช่นการสำรวจครั้งล่าสุดของนิด้าแล้ว พรรคเพื่อไทยน่าจะรวบรวมเสียงได้มากที่สุด ยังเหลือส่วนที่ไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดอีก 7% ที่ทุกพรรคจะต้องช่วงชิงกันในนาทีสุดท้าย หากเพื่อไทยและพรรคอนุพันธ์ไม่สามารถเก็บเกี่ยวคะแนนเสียงรวมกันได้เกิน 75% ความหวังที่จะจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างจะริบหรี่ เพราะพรรคประชารัฐ มีคะแนนเสียงรองรังอยู่แล้วถึง 250 เสียงจากส.ว.แต่งตั้ง จำนวน ส.ส.ในสภาทั้งหมด 500 คน เมื่อรวมกับส.ว.จะะเป็น750 คน พรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้จึงต้องได้เสียงจากสนามเลือกตั้ง 376 เสียง หรือจากผู้ลงคะแนนเสียง 28 ล้านเสียง ประชาชนที่ีสิทธิ์เลือกตั้งหนนี้มี 51,564,284 คน คาดว่าจะออกมาใช้สิทธิประมาณ 70-75%หรือราว 36-37.5 ล้านคน (เลือกตั้งปี 2554 ออกมาใช้สิทธิ์ 75% (37.5 ล้านคน) จึงต้องอาศัยแรงกระตุ้นขนานใหญ่ให้ประชาชนที่นอนหลับทับสิทธิ์อีก 15 ล้านคนออกมาใช้สิทธิให้ได้อย่างน้อย 5-6 ล้านคน เลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองและจำนวนผู้สมัคร ส.ส.มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงคงจะมีการกระตุ้นกันขนานใหญ่ แผ่กระจายมากกว่าทุกครั้ง พรรคเพื่อไทยนั้น จากการประเมินจากฐานเสียงในแต่ละเขตเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ล่าสุด คาดว่าจะได้เสียงราว 265 เสียง ยังขาดอีก 111 เสียง ที่จะได้มาจากพรรคพี่พรรคน้องและพรรคพันธมิตร รวมแล้ว ไม่น่าจะได้เกิน 100 เสียง ทำอย่างไรถึงจะได้เพิ่มอีก 11 เสียง ? เป็นโจทก์มหาหิน ที่ต้องหาคำตอบให้ได้อย่างน้อย 10 วันก่อนวันหย่อนบัตร