เสือตัวที่ 6 การเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดของไทยใน 24 มี.ค.62 ที่ผ่านมา หลังจากห่างหายไปเกือบ 5 ปี ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยต่างโหยหาอำนาจรัฐที่อยู่ในมือของตนเอง จึงออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกผู้แทนของตนเพื่อไปทำหน้าที่และใช้อำนาจรัฐแทนตนเองกันอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งพี่น้องประชาชนคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ออกมาใช้สิทธิกันอย่างล้นหลาม แม้จะถูกคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในขบวนการต่อต้านรัฐไทย ที่เรียกตนเองว่า กลุ่ม BRN ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์ถึงประชาชน ได้ออกมาจุดกระแสต่อต้านรัฐ โดยการสั่งห้ามเด็ดขาดในการมีส่วนร่วมกับการเลือกตั้ง  และให้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ หรือไม่ก็ออกไปโหวตโน หรือ กาช่องไม่ลงคะแนนให้ใคร โดยอ้างว่า เป็นการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐไทย ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่แต่อย่างใด โดยสถานการณ์การเลือกตั้งทั่วไป ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1.3 ล้านคน บรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์การก่อความไม่สงบเกิดขึ้น ประชาชนจำนวนมากได้พากันออกมาลงคะแนนในวันเลือกตั้งครั้งนี้ นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ มีการคิดและการตัดสินใจด้วยตนเองในการออกมามีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อกำหนดอนาคตของตนเอง โดยการเลือกตัวแทนที่ตนเองคิดว่าสามารถเป็นตัวแทนของตนเองเพื่อเข้าไปใช้อำนาจรัฐแทนตนเองได้ เพื่อให้เข้าไปใช้อำนาจรัฐในการทำงานให้บรรลุตามที่ตนเองมุ่งหวังตามแนวทางสันติวิธีที่เรียกกันว่าการตัดสินใจ ใช้อำนาจของตนเองตามแนวทางของระบอบประชาธิปไตย และในขณะเดียวกัน การออกมาใช้สิทธิเลือกตัวแทนของตนใน 24 มี.ค.62 ที่ผ่านมานั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า คนในพื้นที่จำนวนมากเหล่านั้น ปฏิเสธแนวทางของกลุ่มต่อต้านรัฐ ที่เรียกตนเองว่า BRN ที่อุปโลกน์ตนเองว่า เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนคนในพื้นที่แห่งนี้มาโดยตลอด ซึ่งคนในพื้นที่จำนวนมากต่างเมินเฉยต่อข้อสั่งการให้คนในพื้นที่ปฏิเสธการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งยังปฏิเสธการต่อสู้ด้วยวิธีที่รุนแรงตามแนวทางของกลุ่มที่อ้างตัวเป็น BRN อย่างสิ้นเชิง โดยต่างออกมาใช้สิทธิตามแนวคิดของตนเองผ่านการหย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบตามแนวทางที่ตนเองคิดว่าตรงตามความคิดของตนเอง ซึ่งนั่น คือการเดินตามแนวทางการต่อสู้ทางความคิด อันเป็นจุดหมายปลายทางของวิถีแห่งสันติสุขที่ทุกคนในพื้นที่ปรารถนา และการทำความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน ที่รัฐต้องดำเนินการต่อไปจากนี้อย่างเข้มข้น ก็คือ การสร้างความเข้าใจรับรู้อย่างกว้างขวางต่อคนในพื้นที่ก็คือ การเลือกวิถีทางทางการเมืองที่ตนปรารถนานั้น สามารถทำได้ โดยการเลือกตัวแทนของตน ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ซึ่งก็คือการปกครองส่วนท้องถิ่นที่คนในพื้นที่สามารถเลือกตัวแทนของตนไปดำเนินการใดๆ ที่รัฐเปิดโอกาสให้คนไทยทุกคน สามารถใช้อำนาจรัฐของตนผ่านตัวแทนเหล่านั้นได้อย่างเสรีอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเข่นฆ่าทำร้ายฝ่ายเห็นต่างด้วยวิธีการที่รุนแรงตามแนวคิดกลุ่มคนหัวคิดสุดโต่งที่พยายามยุแหย่พี่น้องประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด ผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ ได้สะท้อนความต้องการของประชาชน และเป็นเสียงของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง หลายแนวทางตามนโยบายของพรรคการเมืองที่บอกประชาชนช่วงหาเสียง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกตัวแทนของพรรคการเมืองเหล่านั้น ไปขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริงตามที่คนในพื้นที่ต้องการ โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรงเข้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด อาทิ นายซูการ์โน มะทา ว่าที่ ส.ส.ยะลา เขต 2 พรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับเลือกมาจากประชาชนในพื้นที่มากที่สุด โดยกล่าวว่า พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ "เราเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคประชาชาติว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาพื้นที่ได้ โดยในเรื่องการจัดการความขัดแย้ง ต้องใช้วิธีเจรจาเหมือนเดิม แต่การเจรจาครั้งใหม่ต้องเน้นไปที่ภาคประชาสังคม และให้น้ำหนักคนในพื้นที่มากที่สุด" ทั้งยังเห็นว่า  "พี่น้องประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดควรจะถูกบังคับใช้กฎหมายเหมือนกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เราจะทำอย่างไรไม่ให้มีการใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง" เหล่านี้ คือตัวบ่งชี้ที่สะท้อนความต้องการที่เป็นเสียงของพี่น้องคนในพื้นที่ จชต.ได้เป็นอย่างดีและเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากที่สุด ในการตัดสินใจเลือกตัวแทนของตน เข้าไปใช้อำนาจรัฐแทนตนเองในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญตามที่หาเสียงไว้ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ตามวิถีทางประชาธิปไตยที่เป็นหนทางแห่งการแสวงหาทางออกของความเห็นต่างของคนในสังคมบนแนวทางสันติวิธีที่คนทั้งโลกให้การยอมรับมาอย่างยาวนาน ซึ่งการออกมาใช้สิทธิเลือกตัวแทนของคนในพื้นที่เป็นจำนวนมากครั้งนี้ น่าจะทำให้กลุ่มคนที่หลงผิดคิดว่าคนส่วนใหญ่ในพื้นที่เดินตามวิธีของตนนั้น ได้ฉุกคิดและกลับมาทบทวนแนวทางการต่อสู้กับรัฐกันใหม่ โดยตระหนักว่า คนส่วนใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้ ต้องการแนวทางการต่อสู้ตามแนวทางสันติวิธีอย่างชัดเจน และการได้มาตามความต้องการทางการเมืองนั้น สามารถดำเนินการผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยบนวิถีสันติวิธีที่เป็นรูปธรรม