รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล ไม่ทราบว่า “ฤดูอะไรแน่!?!” เพราะว่าเดือนมกราคมทุกปีจะเป็น “ฤดูหนาว” แต่พอช่วงปลายเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา อากาศเริ่มแปรปรวนเกิดอากาศหนาวเย็นทางภาคเหนือและภาคอีสานตั้งตอนบนและตอนล่าง ช่วงเช้าอุณหภูมิจะต่ำประมาณ 13-14 องศาเซลเซียล และพอตกช่วงเย็นและหัวค่ำอุณหภูมิจะลดลงต่อเนื่อง จนเวลานอนต้องห่มผ้าห่ม 2-3 ชั้นกันเลยทีเดียว กรณีที่อยู่ตามภูเขาและชายเขา และต่อมาพอต้นเดือนมกราคมฝนเริ่มตกหนักทางภาคใต้ของประเทศไทย เริ่มที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุงจนในที่สุดน้ำฝนที่ตกลงมาและหมักหมมอยู่กับใต้ดินเริ่มทยอยทะลักออกมาอย่างมากมาย จนเกิด “น้ำป่าไหลหลาก” และ “น้ำท่วม” ยาวนานนับสัปดาห์ทีเดียว จนปัจจุบันทางตอนใต้ของไทยเราน้ำท่วมขังอย่างมากทุกจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด และที่สำคัญเลยเถิดมาท่วมถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนอำเภอบางสะพานสะพานขาด ก่อให้เกิดสภาวะรถติดยาวถึง 70 กว่ากิโลเมตร พื้นที่น้ำท่วมเกือบล้านไร่ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องตอบว่า หนึ่งเกิดสภาพการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (CLIMATE CHANGE) สองเกิดเอลนิโญกับการเปลี่ยนกระแสไหลเวียนของลานิญา ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว สามอาจเกิดจากแกนของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจนเกิดการเอียงของโลกที่เป็นไปได้ เนื่องด้วยปัจจุบันนี้ “โลกเปลี่ยนแปลง” อย่างรวดเร็วและผันผวนมาก! ถามว่า เราสามารถคาดการณ์สถานการณ์โลกได้หรือไม่ ต้องตอบตรงๆได้เลยว่า “ไม่ได้แน่!” ไม่ว่า ทางด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ สภาวะโลก สภาพแวดล้อม การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติที่เราคาดการณ์ไม่ได้เลย ต้องอาศัยอยู่เพียง 2 สิ่งเท่านั้น กล่าวคือ การสังเกตการณ์และสังเคราะห์พร้อมวิเคราะห์ล่วงหน้า ด้วยการเฝ้าติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดและสอง “เดอะแอ๊คออฟก๊อด (THE ACT OF GOD)” หรือ “เป็นการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า” ที่เราต้องเพียงอาศัยภาวนาเท่านั้น! ขอย้ำว่า เราไม่สามารถรู้อะไรได้จริงๆ ว่า “อะไรจะเกิดขึ้น!” มีแต่ความหวังและทำคุณงามความดีช่วยเหลือผู้คน และของแท้และแน่นอนคือ “ภาวนาว่าสิ่งเลวร้ายอย่าเกิดกับเราเลย!” ถ้าไม่เจอกับตนเองจะไม่รู้สึกเลยว่า “ลำบากเพียงใด-ผวาเพียงใด!?!” สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดทางภาคใต้ยังคงน่าเป็นห่วง หลังฝนตกลงมาต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม โดยที่ จ.นครศรีธรรมราช โดนหนักสุดน้ำไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่เร่งขนย้ายสิ่งของอุปกรณ์การแพทย์ขึ้นชั้น 2 ขณะที่สนามบินนครศรีฯ น้ำท่วมรันเวย์ ต้องประกาศหยุดบินไปจนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา จังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนกระทั่งเช้าแทบทุกวันเพิ่งจะคลี่คลาย ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในทุกพื้นที่ แม้กระทั้งพื้นที่ที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมมานานกว่า 40 ปี โดยน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมบริเวณหน้าโรงพยาบาลฯ ระดับน้ำสูง 50 เซนติเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายและผ้าใบมาขวางป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าภายใน พร้อมกับติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำที่ไหลทะลักเข้าท่วมในโรงพยาบาล และส่วนที่สนามบินนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมรันเวย์สนามบินดังกล่าวไปแล้ว ระดับน้ำสูง 30-50 เซนติเมตร ทำให้ศูนย์ควบคุมการบินประกาศยกเลิกเที่ยวบินทุกเที่ยว ขณะที่เที่ยวบินที่บรรทุกผู้โดยสารบินมาจากสนามบินดอนเมืองกรุงเทพมหานคร ปลายทางสนามบินนครศรีธรรมราช ต้องบินกลับไปที่สนามบินดอนเมือง และมีเที่ยวบินบางเที่ยวลงจอดที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ขณะที่มีผู้โดยสารติดอยู่ที่สนามบินส่วนหนึ่ง ไม่สามารถออกจากสนามบินได้ เนื่องจากถนนเส้นทางรอบสนามบินมีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร  ตั้งแต่เวันที่ 6 มกราคม จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 7 มกราคม 2560 ที่ปิดการบิน ส่วนในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้สั่งปิดโรงเรียนในสังกัดทุกแห่ง และเปิดอาคารเรียนโรงเรียนเป็นศูนย์อพยพให้ประชาชนได้พักพิงชั่วคราว ส่วนแม่น้ำตรังเอ่อล้นตลิ่ง พนังกั้นใกล้พัง 3 จุด โดยจ.ตรัง ตลอดทั้งคืนทีผ่านมายังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในหลายพื้นที่ซึ่งลดระดับลงแล้วกลับเพิ่มสูงขึ้น 20-30 เซนติเมตร ด้านเจ้าหน้าที่จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.ตรัง วันนี้ ที่หน้าศูนย์ราชการอำเภอรัษฎา มีน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 20-30 เซนติเมตร เป็นมวลน้ำก้อนใหม่ที่ไหลลงมาจากอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เอ่อท่วมหลายตำบลในอำเภอรัษฎาเป็นรอบที่ 2 ส่วนแม่น้ำตรังได้เอ่อล้นตลิ่งทำให้พื้นที่รับน้ำรวม 6 ตำบลในอำเภอเมือง ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ก่อให้เกิดมวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลลงมารวมกันที่แม่น้ำตรังยังล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 3,000 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดย จ.ตรังประกาศเป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วมฉุกเฉินแล้วรวม 6 อำเภอคือ อ.รัษฎา ห้วยยอด วังวิเศษ นาโยง และ อ.เมือง และจะประกาศพื้นที่ อ.กันตัง เป็นอำเภอที่ 6 ต่อไป ขณะนี้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 15,000 หลังคาเรือน สวนยางพารา นาข้าว สวนปาล์มน้ำมัน และพืชผลอื่นๆ เสียหายกว่า 5,000 ไร่ สุราษฎร์ฯ เปิดเดินรถถนนสายเอเชีย ที่บริเวณสี่แยกไชยา ถนนสายเอเชีย สาย 41 รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำกำลังตำรวจอำนวยความสะดวกประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนที่สัญจรทั้งขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่องใต้ หลังจากปริมาณน้ำบนถนนเพชรเกษมเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่รถเก๋งและรถเล็กทุกชนิดยังผ่านไม่ได้ โดยใช้รถตำรวจจอดขวางตรงสี่แยกไชยา เนื่องจากรถวิ่งได้เพียงช่องทางเดียว และต้องสวนกันเพราะถนนที่บริเวณ อ.ท่าชนะ ยังมีทางขาดอยู่อีก 2 จุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ ลงนราธิวาส ดูน้ำท่วม-มอบถุงยังชีพ และเดินทางไปยัง จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุกภัย โดยเมื่อมาถึงนายกฯ และคณะ ไปยังศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นประธานการประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง จากนั้นนายกฯ ประธานประชุมด้านความมั่นคงและ กรอ.กลุ่มจังหวัด ก่อนที่ช่วงบ่ายนายกฯ และคณะ เดินทางไปที่ว่าการอำเภอระแงะ และมัสยิดกลาง อ.ระแงะ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนรวม 2,000 ชุด ด้านพลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก สั่งกองพลทหารราบที่ 5 กองทัพภาคที่ 4 เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอชะอวด หลังสภาพน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเข้าขั้นวิกฤติ จากรายงานของกรมอุตุนิยมฯ แจ้งว่า ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะคลี่คลายลงแล้ว เพียงแต่ประชาชนที่เดือดร้อนต้องการสิ่งของบริจาคเพื่อฟื้นฟูต่อไป!