แสงไทย เค้าภูไทย ยามนี้ราคากัญชากิโลกรัมละ 10,000-20,000 บาท จาก 3 ปีก่อน 800-1,000 บาท เหตุปั่นกระแสเสียจนกลายเป็นยาวิเศษ มีการแอบปลูก แอบขายทั้งกัญชาดิบ น้ำมันกัญชา ทั้งบนดิน ใต้ดิน เหตุการปลูกการขายยังมีข้อจำกัด แม้กัญชาใช้ทางการแพทย์ถูกกฎหมายจะผ่านไปหนึ่งขั้นตอนแล้วคือกำหนดผู้มีสิทธิ์จ่ายยา(ขาย)ผู้มีสิทธิ์ใช้กัญชาในรูปของยา แต่ยังเหลืออีกสามขั้นตอนคือผู้มีสิทธิปลูก ผู้มีสิทธิขาย และการจัดเก็บภาษี ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับล่าสุด( พ.ศ.2562) นั้น กำหนดว่า ใน 5 ปีแรกหลังกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ ผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ ได้แก่ 1.หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ 2.บุคคล สถาบัน อุดมศึกษาเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ 3.ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจสังคม สหกรณ์การเกษตรภายใต้หน่วยงานรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษา 4.ผู้ขออนุญาตอื่น ตามที่กำหนดในกระทรวง ทุกข้อ ต้องผ่านการพิจารณาขององค์การอาหารและยา(อย.)ก่อน การที่การยาสูบแห่งประเทศไทย(ยสท.)หรือโรงงานยาสูบเก่า แสดงจุดประสงค์จะขอปลูกกัญชา ผลิตเป็นาสูบและจัดจำหน่ายนััน ได้ถูก อย.เบรก ว่าการทำกัญชาเป็นยาสูบนั้น ถือเป็นการใช้กัญชาในรูปของสันทนาการ คือบันเทิง ผ่อนคลาย ซึ่งยังไม่อนุญาตให้ใช้ได้ และโรงงานยาสูบพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจไปแล้ว ไม่อยู่ในข่ายกฏกระทรวง ยสท.จึงต้องไปหาหนทางว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองมีคุณสมบัติเป็นผู้ได้รับอนุญาตปลูก ผลิต แปรรูปและขายกัญชาได้ ทั้งๆที่โดยสถานภาพแล้วยสท. มีความเหมาะสมที่สุด เนื่องจากกัญชากับยาสูบหรือบุหรี่ มีความเป็นสารเสพติดใกล้เคียงกันจนแทบจะแทนกันได้ จึงต้องเปลี่ยนแปลงผลผลิตสุดท้ายของกัญชาจากยาสูบเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หากเอาแบบอย่างของสหรัฐและแคนาดามาใช้ คือระบบสัมปทานแล้ว ดูจะง่ายกว่า คือให้เอกชนมาขึ้นทะเบียนปลูก โดยให้ผลตอบแทนแก่รัฐในรูปค่าสัมปทานหรือค่าภาคหลวงแบบผลิตแร่ และในรูปภาษี ภาษีที่ผู้ประกอบการที่ได้ใบอนุญาตต้องเสียนั้น มีตั้งแต่ภาษีการค้า สรรพสามิต แวต ฯลฯ และยังเพิ่มอีก 4% เป็นภาษีสวัสดิการคนชราเนื่องจากประเทศทั้งสองเข้าสู่สังคมคนชรามากขึ้น ซึ่งไทยเราก็กำลังย่างเข้าสู่สังคมสภาพนี้เช่นกัน เดือนตุลาคมนี้ กรมสรรพสามิตจะขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% ซึ่งยสท.เเห็นว่าจะกระทบต่อยอดขายแน่นอน จึงอยากได้กัญชามาปลูกร่วมแปลงยาสูบที่มีเกษตรกรกว่า 2 หมื่นรายทั่วประเทศ ปลูกป้อนโรงงานยาสูบ 8 โรง คงต้องพลิกแพลงให้มีคุณสมบัติตามที่อย.กำหนด และยังต้องดูเงื่อนไขเรื่องการผูกขาด ซึ่งกัญชาที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการผูกขาดเหมือนยาสูบ เงื่อนไข นอกจากไม่ผูกขาดแล้ว สายพันธุ์ที่ปลูกต้องเป็นสายพันธุ์ที่ให้สารที่ใช้ทางการแพทย์เท่านั้นคือ CBDส่วนพันธุ์ที่ให้ THC มากๆไม่เหมาะสม เหตุจาก THC มีผลต่อจิตประสาทรุนแรง ตั้งแต่ทำให้เคลิบเคลิ้ม รื่นเริง เมา จิตหลอน เพ้อ พูดคนเดียว คิดช้า ตัดสินใจช้า โดยเฉพาะประการหลัง ในสหรัฐและแคนาดา รัฐที่เปิดให้ใช้กัญชาสันทนาการพบว่ามีสถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ขายและผู้ซื้อต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาต มีคุณสมบัติตามข้อกำหนด เช่นผู้ซื้อตามใบสั่งแพทย์ ( over-the-counter-OCT) อายุเกิน 18 ปีหรือบางรัฐเพิ่มเป็นเกิน 20 ปี มีสิทธิครอบครองำด้ไม่เเกิน 1 กรัม เป็นต้น การออก พ.ร.บ.กัญชานี้ แม้จะเป็นการใช้ทางการแพทย์ แต่ก็กระตุ้นความตื่นตัวในการใช้และในวงจรการค้ากัญชาใต้ดินอย่างคึกคักราคาพุ่งพรวดๆ ราคากัญชาพุ่งพรวดพราดจากกิโลกรัมละระดับพันบาทต้นๆขณะนี้ตก 10,000-20,000 บาท แรงจูงใจจากราคาทำให้มีการปลูกกัญชาในประเทศเพื่อนบ้านกันไปทั่ว เมื่อต้นเดือน ทางการเมียนมาร์ได้ทำลายแหล่งปลูกกัญชาของชาวอเมริกันที่ปลูกถึง 50 ไร่ 350,000 ต้นในเมืองง่านซูนแขวงมัณฑะเลย์ยึดน้ำมันกัญชาได้ถึง 270 กิโลกรัม อีกด้านหนึ่ง ชายแดนลาวด้านไทย มีนักการเมืองไทยแอบไปจ้างเกษตรกรลาวปลูกกัญชานับร้อยๆไร่ ผลิตน้ำมันกัญชาได้ถึง 30 ตันมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท พร้อมทะลักเข้าไทยสนองกระแสกัญชาฟีเวอร์ มีการประเมินผลผลิตกัญชาต่อพื้นที่เคร่าๆ คือ ปลูกกัญชา 4 ต้นต่อ 1 ตารางเมตร ผลผลิตกะหรี่กัญชาต้นละ 1 ก.ก. พื้นที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิต 1,600 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 10,000 บาท จะได้รายได้ทั้งสิ้น 16 ล้านบาท ส่วนการทำเป็นน้ำมันกัญชานั้น ชนิดความเข้มข้นของสาร CBD 5-10% THC ตัวทำให้เมามี ต่ำกว่า 0.2% และมีสารอื่นประกอบ เช่นCBN,CBG,CBC ขนาดขวด 5 ซีซี ราคา1,500 บาท มีการโฆษณาขายทางอินเตอร์เน็ตบรรยายสรรพคุณด้านดีด้านเดียวเช่นเน้นรักษาโรคมะเร็ง ลมชัก(ลมบ้าหมู) เบาหวาน ขยายหลอดเลือดและโรคประสาทต่างๆ สนนราคา น้ำมันกัญชา 10cc สูตร 1:1 ขวดละ 1000 บาท น้ำมันกัญชา 10cc สูตร 2:1 ขวดละ 1500 บาท ยาหม่องกัญชา ขวดใหญ่ 120 บาท สีผึ้งกัญชาตลับละ 80 บาท ยาดมกัญชาหลอดละ 25 บาท ถูกกว่าตลาดเปิดเผยเกือบเท่าตัว อย่างเช่นขวดละ 10 ซีซีนั้น หากเป็นตลาดบนดิน จะตกราว 2,000 บาท องค์การเภสัชกรรม ได้ทำการสกัดระดับทดลอง โดยใช้กัญชาที่ ปปส.จับได้ ปีละประมาณ 7 ตันมาดำเนินการ โดยกัญชา 100 กิโลกรัม จะสามารถสกัดน้ำมันกัญชาแบบเข้มข้น 10-15 ลิตร หรือได้ประมาณ 18,000 ขวด แบ่งเป็นขวดละ 5 ซีซี หากขายกันในตลาดมืด ราคาขวดละ 1,000 บาท ก็ตก 18,000 x 1,000 = 18,000,000 ล้านบาท จากกัญชา 100 ต้น(เก็บดอกได้ ต้นละ 1 กิโลกรัม น้ำมันกัญชานำเข้าขนาดบรรจุ 1 ซีซี เท่ากับ 5 หยด ขายกันขวดละ 1,000 บาท ส่วนแบบที่อกภ.สกัดนั้น ขนาด 5 ซีซี ราคาขายในตลาดมืดมาจากลาวตกขวดละ 800-1,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำมันด้วย สีจางแสดงถึงสารสำคัญเจือจาง ตกขวดละ 800 บาท สีเข้มแสงถึงสารสกักเข้มข้น ขวดะ 1,000-1,500 บาท ราคานี้ยังไม่นิ่ง จนกว่าจะมีความชัดเจนว่า มีใครบ้างที่ได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชาซึ่งผู้ได้รับอนุญาต จะต้องปกป้องมิให้กัญชาผีเข้ามารบกวนตลาดเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้ เป็นช่วงที่เกิดสุญญากาศ ทางการยังไม่เข้มงวด ใครมีปัญญาปั่นราคาก็ปั่นกันเข้าไปตามอารมณ์ตลาดที่โหยหา อยากรู้ อยากลอง อยากใช้อย่างไม่สะทกราคา