ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
อย่างที่บอกไว้ ในสังคมที่ขาดคุณภาพแบบไทย ผู้มีบทบาทจะเป็นชนชั้นนำของสังคม ที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเชื่อถือไว้ใจ และทำตามผู้นำ โดยอาจจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ได้ แต่ประชาชนที่มีคุณภาพ มีสำนึกและความรับผิดชอบ จะตัดสินใจด้วยตนเอง
แล้วรัฐธรรมนูญ จะผ่านการลงประชามติ 7 สิงหา หรือไม่ ขึ้นกับหลายปัจจัย ที่สำคัญและจะมีผลอย่างจริงจัง คือ 5 กลุ่มใหญ่เรามาไล่เรียงไป ทีละข้อ เจาะทีละประเด็น ปมกว้างปมลึก และเป้าหมายของแต่ละฝ่าย
1. การรุกใหญ่ ทำทุกรูปทุกแบบ เพื่อต่อต้านคัดค้าน รธน.ของ ทักษิณปูเพื่อไทยนปช.ฯ เท่าที่สังเกตและติดตามดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องดูที่ท่าทีของทักษิณเป็นหลักเพราะ เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่สุด ในการขับเคลื่อนทุกเหตุการณ์ใหญ่ที่ผ่านมา
@ ทักษิณ ยังคงใช้ยุทธศาสตร์ทางการเมือง เป็นหลักกล่าวคือ ใช้แกนนำเพื่อไทย นปช.นักวิชาการและกลุ่มสิทธิฯ นักศึกษา ปชต.ใหม่เป็นตัวเคลื่อนไหว อาศัยเครือข่ายสื่อของตน และของพันธมิตร ประสานกับสื่อและองค์กรต่างประเทศ
โดยการบิดเบือนร่าง รธน.ของ กรธ. - กกต. เชื่อมกับการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทำทุกเรื่องทุกประเด็น ทั้งการเมืองเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรม และงานต่างประเทศซึ่งดูเหมือนดี เพราะ สร้างภาพของรัฐบาล คสช. กรธ.ฯ ว่าเลวไปหมด ไม่ดีสักอย่าง
แต่ การเหมารวมแบบด้านเดียวเช่นนี้ หลอกได้แต่พวกสุนัขรับใช้ และชาวบ้านที่ศรัทธาตน แต่ใช้ไม่ได้ผล และกลับกลายเป็นผลลบ เพราะเกิดมุมตีกลับ ว่า ไม่มีใครเลว 100% ตัวหลักที่เชื่อมอยู่กับชาวบ้าน คือ ส.ส. และกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ ก็ใช้ได้เป็นบางพื้นที่ เป็นการสะท้อนว่า อดีต ส.ส.และนักการเมือง ในพรรคเพื่อไทยเอง ก็มีความเห็นต่าง หรือ อาจจะเป็นเพราะว่า นายทักษิณ ยังไม่ได้ทำเต็มที่ ยังไม่ได้ทำสงครามแตกหัก อาจจะเพราะว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังมีเวลา หรือ ไม่คุ้มที่จะทำสงคราม ในจังหวะนี้
@ แล้วจังหวะนี้ ทำไม จึงยังไม่คุ้ม ที่จะทำสงครามแตกหัก ทักษิณ เป็นคนฉลาด เป็นคนขี้เหนียวขี้ตืดอีกด้วย จะลงทุนหนัก ต้องให้คุ้มต้องถึงเวลาเพราะ ช่วงนี้ อำนาจการจัดการ มิใช่อยู่ที่นายทักษิณหรือหญิงอ้อ แต่อยู่ที่พลเอกประยุทธ์ ผลของการลงประชามติ ไม่ว่าเป็นอย่างไร รับไม่รับ ขั้นต่อไป คนกำหนดยังเป็นบี๊กตู่ ซึ่งฉลาดพอ ที่ไม่เป็นคนร่างเอง ( อย่างที่คุณอภิสิทธินำเสนอ อย่างมีนัยยะที่สำคัญ ) ให้อิสระแก่ กรธ.ทั้งชุดอาจารย์มีชัยและชุดดร.บวรศักดิ์ ยอมไม่ได้ดังใจหมด
เพราะ การแยกตัวออกมาของพลเอกประยุทธ ทำให้มีอิสระมีบทบาทที่จะกำหนดเองได้
และอีกประการหนึ่ง คือ ทักษิณอ้อ รู้ดีว่า รัฐบาลประยุทธ จะเดินตามRoad Map ทั้งที่ได้ประกาศและยืนยันมาตลอด ทั้งต่อประชาชนในประเทศ และต่างประเทศ เกมนี้ จากการสังเคราะห์ ก็เป็นการเดินแผนหนึ่งของทักษิณ ที่ใช้ โลกล้อมเมือง
@ โดยสรุป : หมากของทักษิณอ้อ คือ ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำไปก่อน ทำลายความชอบธรรมและภาพพจน์ของรัฐบาลประยุทธ คสช. กรธ. และกกต. ฯ ซึ่งได้ผลบางระดับ แต่ก็ไม่มากนัก เพราะทีมเสธคณะยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ก็รู้ทัน ผลที่ได้มา ไม่ว่าจะอยู่ในแผนหรือไม่ คือ ได้หัวหน้า ปชป. มาเป็นแนวร่วมฯ เพราะ ทักษิณ รู้จุดอ่อนของคุณอภิสิทธิ์ ที่มีกรอบคิดตะวันตกที่ต้องเลือกตั้งโดยนักการเมือง หากสังเกตดูเกมส์การเมืองของทักษิณ : จะนำหน้าอภิสิทธิมาตลอด 1 ก้าวเสมอ แม้อภิสิทธิ์ จะเก่งมีความรู้ กว่า และมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่า แต่เรื่องเล่ห์ไม่ทันทัก
@ แต่อย่าประมาทคนอย่างทักษิณ ที่อาจจะเดินเกมใหญ่ ทำสงครามย่อยในวัน 7 สิงหานี้
2.การออกมาของมวลมหาประชาชนเรือนล้าน กปปส. กำนันสุเทพและคณะฯ สุเทพ ซัดพวกนักการเมืองไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเห็นแก่ตัวไม่คำนึงถึงประโยชน์ชาติ ....
ผมยอมรับว่าเห็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในขณะนี้นักการเมืองหลายคนแสดงความเห็นแก่ตัว ใจแคบ คิดเอาแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าในทางการเมือง ไม่แสดงความรับผิดชอบถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองในวันข้างหน้า แต่ประชาชนอย่างพวกเราไม่ได้สนใจประโยชน์ทางการเมือง เราไม่ได้ทำเพื่อตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง ไม่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมือง พรรคการเมืองไหนทั้งสิ้น
วันนี้ได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยมากกว่าจะให้ราคานักการเมืองคนไหน พรรคไหนทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงจะไปลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญผมจะไปลงประชามติรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้จะต้องเป็นการตัดสินใจที่สวนทางกับบรรดานักการเมืองหลายพรรค แต่ถือว่าประโยชน์ของชาติเหนือกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น....
3.ท่าที่ที่ถูกต้อง ที่เอา ประชาชนมาก่อน ของพรรคประชาธิปัตย์ หมายถึงเสียงส่วนใหญ่ของชาว ปชป. ทั้งอดีต ส.ส. กก.บริหาร สมาชิก รวมทั้งผู้สนับสนุน ซึ่งต้องออกมารับผิดชอบประชาชนให้มาก เพราะหัวหน้าอภิสิทธิ์ แถลงไม่รับไปแล้ว ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดี ที่พรรคปชป.ไม่น้อย ส่งเสียงออกมา จะไปลงรับ สวนกับ หัวหน้าอภิสิทธิ์ เป็นการรักษาเกียรติภูมิของพรรค และเป็นการตอบแทนบุญคุณมหาชนที่สนับสนุน ปชป.มาตลอด เรื่องนี้ต้องพูดตามเนื้อผ้า คุณอภิสิทธิ์ แถลง ไม่รับ เป็นจุดยืนและตัวตนที่คิดแบบตะวันตก ซึ่งทำให้คุณอภิสิทธิ์ เติบโตทางการเมืองอย่างรวดเร็ว จนถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายก รมต.และต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม มากกว่า การจะมุ่งการแก้วิกฤติของการเมืองเก่า และผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
4.การมีวิสัยทัศน์ ความกล้าหาญเสียสละเยี่ยงรัฐบุรุษของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพราะ นี่เป็น โอกาสสุดท้าย ที่จะทำเพื่อ คืนความสุขให้กับคนไทยทั้งชาติ ต้องก้าวผ่าน หน้าตาของตนเอง ไปสู่อนาคตของประเทศชาติและสถาบันฯ ไม่รู้ จะเป็นการเรียกร้องพลเกประยุทธ มากไปหรือไม่ เพราะที่ได้ทำมาทั้งหมด กว่า 2 ปี ก็ทำอะไรได้เยอะ ถูกใจประชาชน แต่ ยังไม่พอกับวิกฤตและปัญหาของประเทศที่หมักหมมสะสมกันมายาวนาน แล้วครั้งนี้ การลงประชามติ เป็นเส้นทางทีจะต้องก้าวผ่าน เพื่อเดินต่อไป โดยส่วนตัวและรัฐบาล อาจจะต้องรวมกองทัพไปด้วย เห็นด้วยกับ รธน จากการได้แสดงทัศนะและวิจารณืนักเลือกตั้งที่เห็นแก่ตัวมาตลอด
5.ประชาชนเยาวชน คนชั้นกลาง ชราชนคนเกษียณ ต้องออกมากู้ชาติให้พ้นวิกฤติ ตามหลักการประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนโดยและเพื่อ ปชช. แต่ในความเป็นจริง ที่สังคมไทยได้เห็นเป็นประจักษ์กับสองตามา กว่า 84 ปี
ประชาชนมาก่อน ทำเพื่อประชาชน เป็นเพียงข้ออ้าง ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพยังมาไม่ถึง
หลักการที่นักการเมืองและผู้บริหารประเทศที่ควรทำ คือ เอาผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อนเสียงประชาชน (การเลือกตั้ง ) ( พุทธทาส ) แต่รองจากประชาชนทั้งประเทศ คือ ประชาชนที่มีคุณภาพ ชนชั้นกลาง นักประชาธิปไตย ผู้คนที่มีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวม ฯ จะต้องเดินหน้า จุดคบไฟแห่งประชาธิปไตย ส่องทาง โดยปฏิบัติตนให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เป็นคนดีคิดดีทำดี เพื่อส่วนรวมและบ้านเมือง เดินหน้าเข้าแถว มุ่งไปสู่ เคหาเลือกตั้ง แล้วไปลงคะแนน รับและรับ = 2 รับ ประชามติ คือ
1. รับร่างรับธรรมนูญ
2. รับคำถามพ่วง เพื่อให้ ส.ว.ช่วยสนับสนุนการปฏิรูปไปค้านอำนาจกับนักการเมืองนักเลือกตั้ง ที่จะพาประเทศหันหลังกลับไปสู่การเมืองเก่า
โดยสรุป พิจารณาจาก 5 ปัจจัยหลัก ดังกล่าวแล้ว ผลน่าจะออกมา รับ > ไม่รับ เพราะปัจจัยบวกพลังต้องการการเปลี่ยนแปลง มีมากกว่า พลัง ลบ ที่คัดค้านการเปลี่ยนแปลง และฝ่ายต้านที่เป็นตัวหลักคือ คุณทักษิณพรรคเพื่อไทย ยังไม่ทุ่มสุดตัว ยังไม่ทำสงครามแตกหัก ฉะนั้นแนวโน้มการลงประชามติครั้งนี้ ซึ่งกลายเป็นกระแสทางการเมืองของมวลมหาประชาชนที่ไม่เอาการเมืองเก่า คงจะมีโอกาสสูงกว่า คือ รับ ประชามติ 7 สิงหา 2559