เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com กัญชาเป็นได้ทั้งอาวุธคนยากและอาวุธคนรวย คนมีอำนาจ เป็นได้ทั้งเนื้อนาบุญและเนื้อนาเงิน เป็นผลประโยชน์มหาศาลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จะอย่างไรเสีย กัญชาก็กำลังปฏิวัติวงการสาธารณสุข วงการสุขภาพที่อำนาจรัฐใดในโลกก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ ที่ผ่านมา กัญชาถูกถือว่า “ผิดกฎหมาย” เพราะอำนาจอิทธิพลและผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งที่ครอบงำเศรษฐกิจและการเมือง ออกกฎหมายให้กัญชาที่เป็นยามาเป็นพันๆ ปี ให้เป็นยาเสพติด ที่ครอบงำสำคัญที่สุดไม่ใช่แต่เพียงกฎหมาย แต่ “วิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์” ที่มีมาสามร้อยปี มองสุขภาพแบบแยกส่วน มองโรคเป็นอย่างๆ รักษาโรคเฉพาะทาง ต่างจากแนวคิดสุขภาพองค์รวม ที่มองคนเป็นองคาพยพที่ทุกส่วนสัมพันธ์กันหมด จึงรักษาคนไม่ใช่รักษาโรค วิธีคิดเรื่องกัญชาวันนี้จึงมี 2 แบบ แบบแยกส่วน และแบบองค์รวม แบบแรก “แบบรัฐ” อ้างความเป็นวิชาการ เป็นวิทยาศาสตร์แยกสาร THC สาร CBD ในกัญชาชนิดต่างๆ ควรผลิตเป็นยารักษาโรคอย่างไรให้ปลอดภัย อ้างสารตกค้างอันตรายร้อยแปดจนน่ากลัว และต้องปลูกอย่างพิสดาร ลงทุนแพง ราคายาก็ต้องแพง แบบที่สอง เป็นแบบ “ลูกทุ่ง” แบบที่ทำกันมาเป็นร้อยปีพันปี แบบที่ทุกคนทำได้ ที่อาจารย์เดชา ศิริภัทร เป็นตัวแทน แบบกัญชาเพื่อประชาชน คนจน คนเจ็บคนป่วยด้วยโรคต่างๆ ที่แพทย์ก็รักษาไม่หาย รักษาจนหมดเนื้อหมดตัว หรือไม่มีเงินไปรักษา ซื้อยาหาหมอที่ไหน เพราะความจน อาจารย์เดชา แจกยาฟรีที่วัดหลายแห่งวันนี้ คนมารับหลายเดือนที่ผ่านมาน่าจะเป็นหมื่น กัญชาได้ชื่อว่ารักษาได้ “ทุกโรค” ไม่ใช่เพราะเป็นยาวิเศษในตัวมันเอง ซึ่งก็คงรักษาโดยตรงได้ไม่กี่โรค แต่การที่กัญชาช่วยคนให้กินได้ นอนหลับ สงบสติอารมณ์ ลดความเครียดได้ ร่างกายคนก็ฟื้นฟูตัวเอง แข็งแรง จนโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่มารบกวน หรือถ้าเป็นก็รักษาตัวเองได้เร็วขึ้น อาจารย์เดชาเริ่มทำงานตอนยังหนุ่มเรื่องเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับชุมชน จากนั้นทำงานเรื่องข้าว ก่อตั้งมูลนิธิข้าวขวัญ เป็นครูใหญ่เรื่องการทำนาอินทรีย์ การทำให้ข้าวแข็งแรงจนศัตรูพืช ไม่ว่าแมลง เชื้อโรคเชื้อราไม่มารบกวน เป็นสูตรเดียวกับที่ใช้อธิบายกัญชารักษาทุกโรค เพราะช่วยคนให้มีภูมิต้านทานสูง อาจารย์เดชา เป็นตัวแทนของการแพทย์แผนไทย แผนโบราณ ที่มองคนแบบองค์รวม เรียนมาด้วยตัวเอง และอาศัยความเชื่อในพลังพิเศษ สัมผัสที่ 6 ของหลวงพ่อที่บอกเขาว่า กัญชาเป็นยาวิเศษ และให้ใช้อย่างไรจึงจะได้ผล เขาทดลองกับตัวเอง เคยเป็นพาร์กินสัน มือสั่น ตามัว เป็นต้อ สายตาสั้น ความจำเสื่อม รักษาตัวเองจนหายหมดทุกโรค และทดลองกับญาติมิตรอีกจำนวนหนึ่ง รวมอีกหลายโรค ก่อนที่จะขยายออกไปวงกว้าง อาศัยวัดเป็นที่แจกยา ทำอยู่พักหนึ่ง จนเมื่อเห็นว่ามีกฎหมายใหม่และมีนิรโทษกรรม จึงเปิดตัว แต่ก็ถูกจับ เหมือนโชคดีที่มากับโชคร้าย ที่ฝรั่งเรียกว่า Blessing in disguise เกิดกระแสสังคมกัญชาขึ้นมา แม้ว่าจะสับสนพอสมควร เพราะทั้งพรรคการเมือง สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และองค์กรภาคประชาชนต่างๆ กระโดดเข้าร่วมวงไพบูลย์ จนฝุ่นคลุ้ง ไม่ชัดเรื่องการแจ้ง การปลูก การแจก อาจมีการจับกุมกันอีก เพราะคงไม่ใช่แค่ 15,000 คนที่จดแจ้ง อาจมีเป็นแสนหรือมากกว่าที่หาปลูกเองโดยไม่แจ้ง จะจับไหวไหมทั้งแผ่นดิน ปรากฏการณ์กัญชาได้บารมีจากอาจารย์เดชาช่วยให้เรามองเห็นหนทางสำหรับคนจน คนทุกข์ยากที่เจ็บป่วย และไม่มีทางเข้าถึงยาราคาแพง รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ ร่ำรวยจากความเจ็บป่วยของประชาชน ปรากฏการณ์ “ยาวิเศษ” รักษามะเร็งและอื่นๆ หลายเจ้าหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนความล้มเหลวของระบบสาธารณสุขที่ไม่สามารถตอบสนองคนป่วยไข้ได้ทุกอย่าง แต่ทำเหมือนว่าเป็นทางเดียว หมอก็มักทำตัวเป็นเทวดา ยาก็เป็นของวิเศษ แม้จะมีอีวาน อิลลิช ที่บอกว่า “แพทย์คือเทพเจ้ากาลี” และคนที่แปล คือ นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ แพทย์ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มีผลทำให้คนเปลี่ยนวิธีคิดได้ อาจารย์เดชาฝันว่า จะมี 1 วัด 1 ตำบล เพื่อแจกยากัญชาให้ชาวบ้าน คงต้องวางเป้าหมายไว้ที่ 1,000 วัด ทั่วประเทศ จะเป็นการปฏิวัติสังคมไทยถ้าทำได้จริง เพราะผู้คนจะมีทางเลือกในการรักษา คนพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพได้มากขึ้น โรงพยาบาลจะไม่แออัดยัดเยียดอย่างปัจจุบัน ผู้คนสุขภาพดี เศรษฐกิจจะดี สังคมจะดี ฟังดูเหมือนกำลังจะเป็นสังคมพระศรีอาริย์ อาจารย์เดชากำลังจะเป็นผีบุญคนใหม่ แต่คนกุมอำนาจในสังคมเศรษฐกิจคงไม่ยอมง่ายๆ เพราะกำลังจะไปทำลายผลประโยชน์มหาศาลของพวกเขา ซึ่งเมื่อต้านกระแสไม่ได้ก็จะหาทางตอบโต้ด้วยกฎหมาย ทำให้มีการผูกขาด ประชาชนคนธรรมดาไม่สามารถปลูกใช้เอง เหมือนปลดล็อคการทำเหล้า แต่ออกกฎหมายเอื้อนายทุน ทำเอาชาวบ้านทำเหล้าเจ๊งกันทั้งประเทศ หรือระดมคำเตือนคำขู่และตัวอย่างของผลเสียร้อยแปดของกัญชา ขณะที่คนป่วยคนตายเพราะสารเคมีการเกษตร เพราะบุหรี่เพราะเหล้าที่ถูกกฎหมายเท่าไร หรือตายเพราะยาหมออีกเท่าไรไม่พูดถึง กัญชาเป็นกระแสโลกไปแล้ว เมืองไทยอาจยังไม่ปล่อยกัญชาเสรีเหมือนที่แคนาดาหรือบางประเทศ แต่แค่ยอมเรียนรู้จากเพื่อนบ้านอย่างลาวเรื่องเหล้าและกัญชา ไทยจะพัฒนาตนเองได้ไกลกว่านี้มาก ถ้าปฏิวัติกัญชาไม่สำเร็จก็เป็นกบฎผีบุญเหมือนในอดีต เครือข่ายภาคประชาชนจะต้องเข้มแข็ง และลุกขึ้นมาปกป้องตนเอง ปกป้องอาจารย์เดชา ที่เดินหน้านำ “กัญชาเปลี่ยนโลก” วันนี้ ที่จะต้อง “ปลดล็อคกฎหมายยาเสพติด” ให้กัญชาเป็นยาสมุนไพร เป็นทางออกที่สำคัญของคนส่วนใหญ่ ที่ยังลำบาก ยากจนและเจ็บป่วย