ภท.ร่วมรัฐบาล : หมอกัญชา จะตายเพราะกัญชา

แสงไทย เค้าภูไทย เงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลของภูมิใจไทยนอกจากต่อรองตำแหน่งในรัฐบาลตามธรรมชาติของการเมืองแบบไทยๆแล้ว เงื่อนไขที่สำคัญตามสัญญาประชาคมอีกด้านคือ การเปิดเสรีกัญชา ที่ขณะนี้เผือกร้อนคือการปลดออกสถานภาพยาเสพติด ที่จะเป็นกับดักให้รัฐบาลตายเพราะกัญชา กัญชาเสรีเป็นนโยบายข้อหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอเพื่อเรียกคะแนนเสียงช่วงหาเสียงเลือกตั้ง อีกนโยบายหนึ่งคือ ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีของทหาร ช่วงหาเสียง อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคประกาศ “อยู่คนละขั้วกับทหาร-พปชร.นายกฯต้องมาจากส.ส.และพรรคเสียงข้างมาก” ชาวเน็ต tract ไปถึงเว็บไซต์ของพรรค มีการนำคลิปปราศรัยหาเสียงของ “เสี่ยหนู” อนุทิน มาตีแผ่ “นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องมาจากพวกผม ผมจะไม่ยอมรับคน 250 คนที่ไม่ได้มาจากพี่น้องประชาชนมาเลือกนายกรัฐมนตรีของพวกผม” เป็นคลิปเสียงของเสี่ยหนู แต่หลังจากจับมือกับประชาธิปัตย์ จนทำให้เกิดแกนเปลี่ยนขั้ว คำพูดก็เปลี่ยนไปเป็น “นายกฯ ต้องมาจากการโหวตในสภาผู้แทนราษฎร” (จากเว็บไซต์ของพรรค) การเข้าร่วมรัฐบาลสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สร้างความโกรธแค้นให้ชาวบุรีรัมย์ที่สนับสนุนภท.มาก จนฮือกันจะเผาสนามฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดซึ่งมีนายเนวิน ชิดชอบ เงาของนายอนุทินเป็นคนก่อตั้ง รัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงพรรคใหญ่เพียง 3 พรรคกับพรรคเล็กอีกถึง 17 พรรค ขณะที่พรรคฝ่ายค้านมีเพียง 7 พรรค แต่เสียงต่างกันแค่ 10 เสียงและอาจจะเหลือ 8 เสียงหากเลือกตั้งซ่อมคะแนนเสียงไปอยู่กับขั้วเพื่อไทยเหมือนกับเลือกตั้งซ่อมเชียงใหม่ที่ไปอยู่กับอนาคตใหม่ ถือเป็นรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ พร้อมจะถูกโค่นล้มได้ทุกมติที่รัฐบาลนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร แม้จะมีนายชวน หลีกภัยเป็นประธานสภา แต่คงจะปกป้องนายกรัฐมนตรีไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องกัญชาเสรี ที่ภท.โหนกระแสกัญชาฟีเวอร์จนได้คะแนนเสียงมากจนเป็นน้ำหนักต่อรองในการเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อไทยมีการนำเสนอกัญชาเสรีเป็นนโยบายในช่วงหาเสียงเช่นกัน แต่ไม่ได้ล่อใจกัญชาชนสุดขั้วถึงขนาด “ปลูกได้บ้านละ 6 ต้น” เหมือนของภท. ภท.ก็รู้ดีว่ากัญชาเสรีปลูกได้บ้านละ 6 ต้นนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะแม้แต่แคนาดาที่รัฐบาลให้ปลูกได้บ้านละ 4 ต้นนั้น กว่าจะแก้กฎหมายได้ ต้องใช้เวลาถึง 12 ปี เพราะแม้ประชากรของเขาจะมีวุฒิภาวะสูง มีการศึกษาสูง มีวินัย แต่โดยคุณสมบัติของกัญชาแล้ว ยังมีสารที่ทำให้เสพติดอยู่ ไม่ต่่างจากใบโคคา(โคเคน)บุหรี่หรือสุรา มีการหยิบยกบุหรี่และสุรามาเปรียบเทียบว่าเป็นสารเสพติดที่ถูกกฎหมาย แต่ทำไมกัญชาจึงยังถูกจัดให้เป็นยาเสพติดผิดกฎหมายอยู่ ? เหตุผลก็คือ กัญชาหากนำไปสูบแบบบุหรี่หรือผ่านน้ำที่ฝรั่งเรียกว่า bong ตามคำว่า “บ้อง” ของคนไทยแล้ว จะมีสารออกฤทธิ์และเป็นพิษต่อปอดสูงกว่าบุหรี่ถึง 6 เท่าตัว เมื่อเทียบกับสุรา ทั้งกัญชาและเหล้าต่างก็มีผลต่อจิตประสาทพอๆกัน แต่ในการดักตรวจจับของตำรวจด้วยการให้ผู้ดื่ม/เสพเป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจวัด ตำรวจสามารถตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวผู้ขับขี่ได้ แต่ไม่สามารถตรวจวัดปริมาณสารออกฤทธิ์ของกัญชาได้ ซ้ำกัญชายังอยู่ในกระแสเลือดนานกว่าแอลกอฮอล์ 2-3 ชั่วโมง แต่ในการตรวจปัสสาวะ กลับพบว่าผู้เสพกัญชาจะมีฉี่สีม่วง เช่นเดียวกันกับผู้เสพยาบ้าและยาเสพติดอื่นๆ นี่คือหตุผลที่ทำให้กัญชาถูกจัดเข้ากลุ่มยาเสพติดผิดกฎหมาย ในทางการแพทย์ ขณะนี้สหรัฐกำลังปวดหัว เพราะคนไข้ที่เสพกัญชาที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ส่วนใหญ่ประสาทมีสภาพดื้อยาสลบ ( anesthetic resistance)วางยาแล้วไม่ยอมสลบ แต่แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า การขับเคลื่อนปลดกัญชาจากยาเสพติด จะผ่านสภาฯยาก ทว่าภท.จำจะต้องทำตามสัญญาประชาคม คือเสนอเป็นนโยบายของรัฐบาลในการปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติดและปลูกได้เสรี ถึงตอนนั้น ภท.จะเข้ามาติดกับดักเอง บรรดาพรรคขั้วเพื่อไทยจะได้จังหวะแก้แค้น หักกันกลางสภา จนนำไปสู่การยุบสภา เลือกต้ังใหม่ประชาชนที่หลงเลือกภท.ด้วย 2 นัยยะ คือไม่เอาบิ๊กตู่กับต้องการกัญชาเสรี ก็จะได้โอกาสแก้แค้น เสี่ยหนูได้พลาดโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีที่พรรคพื่อไทย อนาคตใหม่และอีก 5 พรรคซีกประชาธิปไตยหยิบยื่นให้ไปแล้ว โอกาสเช่นนี้ มีแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวตลอดชีวิตที่เหลือ