ชัยวัฒน์ สุรวิชัย คนไทยส่วนใหญ่ รู้ว่า  บ้านเมืองมีปัญหา มากถึงขั้นวิกฤตและหายนะ  หรือ มี ไม่มาก ยังอยู่ได้อีกนาน… ชาวบ้านหลากหลายอาชีพ และผู้นำสังคม นักการเมือง นักธุรกิจ  นักวิชาการ ภาคประชาชน คิดหาทางออก “ แต่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เพราะปัญหาใหญ่ และผู้อำนาจรัฐ  ก็ไม่ยอมใครมาเปลี่ยน นอกจากตนเอง” ผู้นำสังคมและภาคประชาชน   พูดคำโตว่า   “ หากประชาชนทนไม่ได้ จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนเอง  “ กลับกัน   บางคน  ตั้งคำถามว่า   “ ทำไมต้องเป็นฉันทำด้วย" WHY ME? และมีการถามเติมอีก ว่า "HOW DO WE CHANGE THE WORLD?  ….  THE  COUNTRY "  ทุกวันนี้  เราเห็นผู้คน ใช้ชีวิตหมดไปวันๆ คิดอะไร ประเดี๋ยวประด๋าว  มองเฉพาะหน้าไม่กี่ก้าว แล้วก็จบไป  เป็นการจบโรงเรียน แบบไม่ได้ปริญญาใดๆขาดการจะคิดอะไรแบบระยะยาวต่อเนื่อง  มีกระบวนการคิด แก้ปัญหา  วิเคราะห์ปัญหา เพื่อหาคำตอบ หรือว่าเป็นเพราะเราปราศจากความหวัง  ไม่มีความฝัน หรือความรักที่จะยึดเหนี่ยวใจให้ต่อสู้ต่อไป เรากลายเป็นคนปราศจิตวิญญาณในการมองหา " ชีวิตที่มีความหมาย " ไปอย่างสิ้นเชิงการจะทำอะไรเพื่อสังคม เพื่อสิ่งที่มีความหมาย….. กำลังจะสูญพันธุ์ หมดเรี่ยวแรงลงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้เราติดกับอะไรที่เร็ว ด่วนได้มักง่าย ฉาบฉวย ผิวเผิน อะไรที่เป็นอุปสรรคของเร็ว ก็กลายเป็นสิ่งไม่ดี  แต่สิ่งหนึ่งที่ทำเร็วไม่ได้ คือ " การฟัง  การศึกษาเรียนรู้   การคิด   และการทำ "การเข้าใจอย่างแท้จริง  จะเกิดจากการอ่าน  การฟัง   การคิด   แล้วนำมาปฏิบัติ  และประเมินผลแก้ไขปรับปรุง จากการคิดให้มากขึ้น  อ่าน ฟัง จากเรื่องที่มีสาระ คนที่มีความรู้ประสบการณ์ ทำหลายหนหลายรอบ  จะเกิดความสำเร็จไปทีละขั้น  ชนะไปทีละครั้ง  จนถึงชัยชนะครั้งสุดท้าย สรุปก็คือ  ความช้า คือ ความงาม  คือความสำเร็จ “ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม  “  หรือ  “ Slow   but   sure  “ ใครสักคนบอกว่า "ฉันจะเปลี่ยนแปลงโลก?   เปลี่ยนแปลงประเทศไทย จากนั้น จะมีคนมาบอกว่า "โลกใบนี้ใหญ่มากนะ"  ปัญหาประเทศไทย ใหญ่โตมโหฬารยิ่งนั่นเป็นจุดกำเนิดของคำถามที่เรา   จะนำมันไปไถ่ถามคนอีกมากมาย ปัญหาประเทศไทย ใหญ่แค่ไหน? ใหญ่เท่ากับความทุกข์  ความคับแค้นใจของประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุมอยู่ในอก ไหม ? ใหญ่เท่ากับความอยุติธรรม ที่ทำให้ประชาชนกล้าสู้ ใหญ่จนทำให้เลือดในตัวของเราพลุ่งพล่าน? โลกใบนี้ใหญ่เท่ากับความพยายามที่เราจะเปลี่ยนแปลงมัน? โลกใบนี้ใหญ่จนมีพื้นที่เพียงพอสำหรับประวัติศาสตร์ของชุมชน ใหญ่พอที่จะให้ชุมชนมีความปรารถนา และต่อสู้ เพื่อมองออกไป ในจักรวาล ด้วยศักดิ์ศรี? โลกใบนี้ไม่น่าจะใหญ่มากนัก เพราะดูเหมือนไม่มีที่ทางให้เด็กยากจน คำตอบอันหลากหลายเปล่งออกมาจากผู้คนที่มาถามไถ่... ถ้าเราได้ยินคนบอกว่า "ฉันจะเปลี่ยนแปลงโลก" ...คุณจะคิดอย่างไร " โลกนี้เคยเปลี่ยนแปลงไหม?  ประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงไหม ? ถ้าเรามองผ่านสายตาประวัติศาสตร์   สิ่งที่เรานับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย จากการที่มีผู้ทุกข์ยากมากมายที่ตกอยู่ใต้ผู้มีอำนาจมาเนิ่นนานหลายสิบปี  ร้อยปี ความไม่เป็นธรรมรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ผืนดิน ที่ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง" การปฏิวัติประชาธิปไตย  2475  , การลุกขึ้นสู้ของประชามหาชน 14 ตุลา  2516  ,  17  พฤษภา  2535แต่ละเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ทำให้ประชาชนมีที่ยืน มีสิทธิมีเสียงดังขึ้น,  แต่ยังไม่พอ เหล่านี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? แล้วถ้าจะมีใครสักคนพูดออกมาว่า " ฉันจะเปลี่ยนแปลงโลก? . . . คุณจะคิดอย่างไร? ในท่ามกลางชีวิตวุ่นวายแต่เช้าจรดเข้านอน เราพบว่าต้องทำอะไรจำนวนมาก ต้องรีบตื่นแต่เช้า ต้องอาบน้ำ/แปรงฟัน ต้องเดินทาง ต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากการงาน ต้องหาเงิน ต้องดูแลครอบครัว ต้องพักผ่อนสันทนาการ ต้องเก็บเงินต้องพูดคุย ต้องแสวงหาความรู้ ต้อง...อะไรอีกมากมายแล้วถ้ามีใครสักคนชวนคุณไปเปลี่ยนแปลงโลก . . . คุณจะคิดอย่างไร? คำตอบ  ก็คือ เมื่อมองจากเบื้องบน   โลกใบนี้หดเล็กลงจนบรรจุอะไรไว้ไม่ได้นอกจากความอยุติธรรม  เมื่อมองจากเบื้องล่าง โลกใบนี้ กว้างใหญ่ไพศาล มีที่เหลือเฟือให้ความสุข ความยุติธรรม ความคิดของทุกคน  วิถีทางเปลี่ยนแปลงโลกมีอยู่เท่าไรกันนะ... โลกใบใหญ่มีเรื่องราวมากมายหลายเรื่อง ทำให้เรา อับจนปัญญา เกินกว่าจะขัดขืน  ทั้งบรรษัททุนใหญ่ โหมโฆษณากรอกหูเราให้ซื้อทุกวัน  อาวุธทำลายล้างพร่าผลาญชีวิตคน อยู่ทุกหนแห่ง การเมืองที่ เต็มไปด้วยการใช้เงินตราซื้อเสียงถอนทุน และเล่ห์เหลี่ยมสารพันเหล่านี้ แต่ยังมีพื้นที่หนึ่งที่ไม่มีใครสามารถแย่งชิงมันไปได้ นอกเสียจากเรามอบมัน ออกไปเสีย เอง ด้วยพื้นที่นี้ เราใช้มันเพื่อการต่อสู้ เพื่อความเป็นธรรม ขัดขืน ไม่ยอมตาม อาจไม่ได้ทั้งหมด แต่นั่นคือการเริ่มต้น เมื่อเราตื่น เราขัดขืน พื้นที่นี้จะขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ คืนคุณค่า ด้วยว่าความสุข ความดี ความงาม และความจริง ยังคงมีอยู่มากมายในโลกนี้ แต่อะไรเล่าเป็นสิ่งที่เราปรารถนาและรู้คุณค่าของมัน ลองหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นหนา ออกให้หมดแล้วประกาศต่อคนอื่นๆ ว่า  “  นี่แหละเป็นสิ่งที่มีคุณค่า  “ ค้นหาความสัมพันธ์ ในขณะที่มีใครหลายคนกำลังพยายามแบ่งแยกเราออกจากกัน ไม่ว่าจะด้วยชาติพันธุ์ ภาษา ฐานะ อุดมการณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นก็เพียงเพราะหากเรา สานความสัมพันธ์อันงดงามขึ้นมาได้ เราก็จะมีพลังในการต่อสู้เปลี่ยนแปลง มนุษย์เราสัมพันธ์กันได้กี่รูปแบบกันเล่า หากโลกทุกวันนี้เราสัมพันธ์กันในฐานะผู้ซื้อผู้ขาย ผู้ปกครองผู้ถูกปกครอง ผู้มีโอกาสผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ เรายังมีความสัมพันธ์อื่นที่เราปรารถนาหรือไม่ ...นั่นเป็นสิ่งที่ทำได้ที่นี่เดี๋ยวนี้ทันที ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก แต่ก็เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความดีและความงามที่รอวัน ปรากฏ เราจะเลือกมุมไหนในการเปลี่ยนแปลง ขจัดเงื่อนไขที่ก่อความทุกข์หรือสานสร้างเงื่อนไข ที่ทำให้โลกสงบสุข... แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดว่าคนตัวเล็กๆ อย่างเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ และอะไรเล่าที่จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนตัวเล็กๆ จำนวนหนึ่งคิดว่าตนเองเปลี่ยนแปลงโลกได้? เราจะเปลี่ยนโลกที่วิกฤตสับสน ซับซ้อน นี้  อย่างไร ปัญหาคือ ประชาชนมากมายทุกวันนี้พยายามรักษาตัวรอดให้ปลอดภัย พวกเขาต่างยืนในร่มเงา ปิดปากเงียบ แทนที่จะออกไปยืนอย่างกล้าหาญเพื่อความถูกต้องเป็นธรรม จากเวลาที่ผ่านมา นี่เป็นเวลาที่ชายและหญิงแห่งความเชื่อจะออกมายืนอย่างกล้าหาญ ผมเชื่อจริงๆว่าโลกเราทุกวันนี้ยังไม่ไกลเกินหวัง  แต่ในฐานะประชาชนที่เคยต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม คุณต้องตั้งมั่นและประกาศว่าความหวังแท้จะพบได้ จากการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้องเท่านั้น คุณต้องไปไกลกว่าแนวคิดของผู้มีอำนาจที่ประกาศว่าความจริงเป็นเรื่องของพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นจงยืนหยัดเพื่อความเป็นธรรม ของประชาชนทั้งประเทศและให้แสงสว่างปลายอุโมงค์ ได้จุดสว่างในใจของพวกเรา เพื่อนำความหวังไปยังโลกที่กำลังมองหาความหวัง ขณะที่โลกหมุนไปด้วยความอลหม่าน จำไว้ว่าความหวังเดียวคือ   “ ความคิดแห่งการเป็นเจ้าของประเทศ “ "เมื่อเราเปลี่ยน... โลกจะเปลี่ยนด้วย..." คนชั้นสูงและผู้มีอำนาจ บอกว่า  “ มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่คิดจะเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงประเทศ แต่นั่นก็เพราะคนบ้าไม่ใช่ ฤา  …….    ที่ทำให้โลกเราหมุนไปไกลขนาดนั้นได้ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ การแพทย์ และการปฏิรูปประเทศปฏิวัติสังคม ก็เป็นผลงานของคนบ้าทั้งนั้นแต่ถ้าเราอยากเป็นคนหนึ่งที่บ้าถึงขั้นอยาก “ เปลี่ยนแปลงบ้านเมือง”  เราจะทำได้ไหม? ผมบอกได้เลยครับว่า ได้!  โดยการเริ่มต้น เปลี่ยนแปลง"โลกส่วนตัว" ของเราเองก่อนแค่นั้นก็เพียงพอต่อการที่เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตแล้ว  แค่นี้ชีวิตเราก็ดีขึ้นแล้ว แล้วเปลี่ยนอะไรต่อ เล่า ?  ลองนั่งคิดกันเล่นๆ   ถ้าวันนี้ฝนตก หรือแดดออก   ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง คุณคิดถึงอะไร? แต่ละคน ก็จะมีคำตอบของตัวเอง เห็นไหมครับ เรื่องเดียวกัน แต่ว่าต่างคนต่างวาระต่างความคิด เพราะเรามองโลกไม่เหมือนกัน ทำให้เราประชาชน   ไม่มีกำลัง   ไม่มีพลังใหญ่มากพอ  สำหรับการเปลี่ยนแปลง   ฉะนั้น หากเราตั้งคำถามเดียวกัน และทำให้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน เราเป็นเจ้าของประเทศไทย  ประเทศไทยเป็นของเราทุกคน  มิใช่คนมีอำนาจเพียงกลุ่มเดี่ยว พวกเขา  เอาอำนาจ  งบประมาณ ทรัพยากรของเรา ไปครอบครองมานานเกินไปแล้ว เมื่อเรามีคำตอบเดียวร่วมกัน  มันจะเป็นพลังแห่งธรรมที่ยิ่งใหญ่ “ เรา ประชาชน จะรวมพลัง ลุกขึ้นมาพร้อมกัน ต่อสู้ร่วมกัน  แล้ว เราจะต้องชนะอย่างแน่นอน “ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่  กำลังรอคอยการบันทึกด้วยพลังของประชามหาชน สะสมกำลังของเหล่าประชาชนผู้กล้า ให้มากเข้าไว้  ให้มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่หยุด และเมื่อถึงวัน เปลี่ยนแปลง  The  Longest  Day    เราจะจับมือประสานร่วมกัน  เดินก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน เราจะต้องชนะ  และเราจะต้องชนะอย่างแน่นอน  และสามารถคืนความสุขให้กับประชาชนตามคำมั่นสัญญาได้