ชัยวัฒน์ สุรวิชัย - นักการเมืองครวญ ตราบใดที่ทหารยังครองอำนาจ ไม่ปล่อยลง ประเทศ ก็จะไม่พัฒนา แต่ถ้าให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ประชาธิปไตยจะกลับมา ฉะนั้น รัฐบาลทหาร ต้องรีบให้มีเลือกตั้ง อย่าผิดคำสัญญา นักวิชาการบ่น เศรษฐกิจแย่ เพราะ ไม่มีประชาธิปไตย ต่างชาติไม่มาลงทุน ผู้นำภาคประชาชนอึดอัด คนจนแย่ เพราะ รัฐบาลทำตามข้าราชการและนายทุน รัฐบาลทำได้ดีระดับหนึ่ง ประชาชนส่วนใหญ่พอใจ แต่ประชาชนที่รักประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นห่วง เพราะไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง เวลาผ่านไป3 ปี เพราะ เมื่อมีการเลือกตั้ง ปัญหาก็เป็นแบบเดิม เป็นวัฏจักรในเขาวงกตอีก ผู้คน ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราคิดว่า “ ไม่มีอำนาจ ไม่มีพลัง “ - ก่อน 22 พฤษภาคม 2557 มวลมหาประชาชน เรือนล้าน เคลื่อนไหวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่า พันธมิตร หรือ กปปส. รัฐบาลนอมินียิ่งลักษณ์ ที่ทำผิดใหญ่ ใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญ คอร์รับชันเชิงนโยบาย โกงข้าวไปกว่า 500,000 ล้าน ฯ ลฯ ไม่ยอมลงจากเวที ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า “ ผิด “ ความขัดแย้งหนักข้อมากขึ้น ทั้งในรัฐสภา และนอกรัฐสภา ประชาชนสีหนึ่ง กับ ประชาชนอีกสีหนึ่งฯ เมื่อเวทีรัฐสภาแก้ไม่ได้ ไม่ยอมแก้ ไม่ยอมรับกติกาประชาธิปไตยที่ทำผิดต้องออก ฯ กองทัพ ก็เข้ามารัฐประหาร ทุกฝ่ายหยุด ความสงบกลับมาชั่วคราว - มีคนบอกว่า “ ทางเข้าบ้าน ถูกปิด เพราะเขาวางท่อประปา “ แต่มีคนยิ้ม เพราะ ทางเข้าบ้าน มีสองทาง ไปอีกทางหนึ่งได้ คนเดิมบอกอีกว่า “ ทางเข้าบ้านอีกทาง ก็ปิดด้วย เราออกไปไม่ได้ “ มีคนยิ้มอีก เราเดินออกไปได้ เพราะ มีช่องทางให้เดิน ที่ปิดเฉพาะทางรถยนต์ คนใหม่บอกอีกว่า “ เขาปิดประตูทางเข้าออก หมู่บ้านแล้ว ออกไม่ได้ “ ไม่มีใครยิ้มอีก เพราะรู้สึกว่า “ หนทางถูกปิดตายแล้ว “ แต่หาก มีไฟไหม้ลุกลามมาใกล้เรา ไม่ออกไป ก็จะถูกไฟครอกตาย เราก็จะคิดปีนประตูออกมา หรือ พังประตู เราแทบจะไม่ต้องคิดเลย เพราะ “ พลังแห่งการอยู่รอด มันสั่งเราให้ทำ “ - คนเรามีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายใน เพียงแต่มนุษย์เราไม่รู้ และไม่รู้จักการนำเอาออกมาใช้ เมื่อปี พศ. 2438 ประธานบริหารของ British Academy of Science ได้ประกาศว่า เครื่องจักรกลที่บินได้นั้น ในทางเทคนิค ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะ เครื่องจักร หนักกว่าอากาศ อีกสองปีต่อมา พี่น้องตระกูลไรท์ ก็ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า สมนุษย์สามารถสร้างยานพาหนะ ที่ทำให้ความฝันอันเก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ชาติ เป็นจริงขึ้นมาได้ แต่เราก็เชื่ออย่างหัวชนฝาอีกว่า มนุษย์จะไม่มีวันบินได้เร็วกว่าความเร็วของเสียง เพราะศักยภาพของมัน เป็นไปไม่ได้ เครื่องบินคงจะระเบิดเป็นจุล ถ้าหากเราโง่พอที่จะทดลอง และเพราะ “ คนโง่ๆ “ ทำจริง เราจึงมีเครื่องบินบินเร็วกว่าเสียง ……. @ ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติตั้งซ้อนกันเป็นชั้นๆ ด้วยความเชื่อว่า เป็นความจริง ซึ่งต่อมา ก็ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า “ มันไม่ใช่ความจริง “ เรา ไม่เข้าใจว่า “ มนุษย์ โง่ขนาดนั้นได้อย่างไร “ แล้ว ใครที่โง่ ใครที่บ้า แต่สิ่งใหม่ เทคโนโลยี่ความก้าวหน้ามากมาย เกิดเพราะ “ คนโง่ ที่มีอุดมคติ เชื่อมั่น ทำจริง “ - แล้วมนุษย์มีอำนาจสูงสุดที่เคยประณามหยาบเหยียด “ กาลิเลโอ “ กลับมายกย่องเขาอย่างยิ่งใหญ่ - อัลเบิร์ด ไอสไตน์ เคยกล่าวว่า “ ผมคิดแล้วคิดอีกเป็นเดือนๆปีๆ คิดอยู่ เก้าสิบเก้าครั้งว่า ข้อสรุปผิด แต่แล้วครั้งที่หนึ่งร้อย ก็คิดถูก - เอดิสัน ทดลองถึง 9,000กว่าครั้ง กว่าจะผลิตหลอดไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดได้ มืใช่เท่านั้น และทดลองถึง50,000 ครั้ง ก่อนจะประดิษฐ์แบตเตอรีเก็บไฟฟ้าได้สำเร็จ สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า คือ “ ความคิดที่มองว่า “ ไม่ใช่ตัวเองล้มเหลวนับพันๆครั้ง แต่กลับเห็นว่า เขาได้เรียนรู้มาเป็นพันๆครั้ง ทัศนคติของเขาคือ “ เขาสร้างสิ่งประดิษฐ์ ของเขาขึ้นมา ด้วยจำนวนขั้นตอนมหาศาล การล้มเหลวทุกครั้ง ไม่มีอะไรมากไปกว่า “ การขบับใกฃ้เข้าไปสู่อีกก้าวหนึ่งสู่นวตกรรมใหม่หรือความสำเร็จ @ มาดูเรื่องของประวัติศาสตร์มนุษย์บ้าง ในยุคกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่2 พศ.2310 ไม่มีใครคิดว่า“ นายทหารหัวเมืองที่ชื่อ “ สิน “ จะมากู้ชาติได้ แต่เพราะ “ จิตใจแห่งความรักชาติ เป็นไท จึงรวบรวมทหารเพียง 500 นาย ตีบุกพม่าที่ปิดล้อมออกมา แล้วด้วยความกล้าหาญเสียสละ จิตใจมุ่งมั่นแน่วแน่เอาจริง คิดแผนยุทธศาสตร์ยุทธวิธี ทั้งการรบการศึก การสงวนกำลังและการเพิ่มกำลังที่ละขั้น มีงานแนวร่วมที่สำคัญ อาศัยจุดแข็งไปเอาชนะจุดอ่อนของข้าศึก มีการสร้างขวัญกำลังใจของคนไทย กดขวัญศัตรูลงไป อย่างมีจังหวะก้าว และแล้ว ในที่สุด ก็กู้ชาติได้ มาดูชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชาติหนึ่งในปัจจุบัน คือ “ สาธารณรัฐประชาชนชาวจีน “ หรือ ประเทศจีน พรรคคอมนิวนิสต์แห่งประเทศจีน ที่มีแนวทางทฤษฎีชี้นำ มีหนทางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ถูกต้อง มีการสร้างกองทัพประชาชน มีงานแนวร่วม และมีผู้นำที่เป็นรัฐบุรุษ มีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญเสียสละ คือ“ประธานเหมาเจ๋อตง ฯ “ ก็สามารถเอาชนะ ปลดปล่อยประเทศจีนได้ ทั้งจากญี่ปุ่นและรัฐบาลขายชาติ ทั้งที่ก่อนหน้า มีการประณามหยามเหยียดจากทุกฝ่ายว่า “ไม่มีทางเอาชนะญี่ปุ่น-กองทัพเจียงไคเช็คได้ “ เราต้องศึกษา ทำความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์การประดิษฐ์ค้นคิดนวตกรรมใหม่ๆและประวัติศาสตร์มนุษย์ - กระบวนการสร้างสรรค์ความคิด และผู้นำ จากการศึกษา และปฏิบัติด้วย สติปัญญาความจริง 1. การคิดหาหนทางและแนวทางในทางทฤษฎีที่ถูกต้องเหมาะสม ต้องผ่านการศึกษาเรียนรู้ สภาพของสังคมไทยจากความเป็นจริง มิใช่ลอกตำราหรือฟังฝรั่งจีนพูด หรือแม้แต่ “หลักวิชาการที่เขียนเป็นตำรับตำราศึกษาขั้นปริญญาตรีโทเอก หรือนักเลือกตั้งนักวิชาการคุย” สรุปบทเรียนประวัติศาสตร์ไทยที่ผ่านมา เหตุปัจจัยของความสำเร็จ-ความล้มเหลว อย่างเป็นจริง ทั้งสถาบันกษัตริย์ ทหาร นักการเมือง กลุ่มทุน และ ภาคประชาชน ฯลฯ ความคิดใหม่และพลังใหม่ : กลุ่มคณะราษฎร์ มวลมหาประชาชนนักเรียนนักศึกษา ความคิดเก่าและพลังเก่า : นักการเมือง ข้าราชการและทหารเก่า อิทธิพลอเมริกาฯ ความคิดใหม่แต่เพื่อตนเองและพวกพ้อง : ทักษิโณมิก หรือกลุ่มทุนใหญ่ แนวทางเก่าที่ไม่สำเร็จ : รัฐประหาร พคท. ระบบรัฐสภาเลือกตั้งเก่า แนวทางที่สำเร็จในขั้นแรก : การรัฐประหารเก่า และใหม่ การเลือกตั้งเก่าและใหม่ มวลมหาประชาชน ปัจจัยเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรใหม่ : วงจรอุบาทว์ “ เลือกตั้ง คอร์รับชั่น ขัดแย้ง รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ “ ปัจจัยใหม่มีอิทธิพลมากขึ้น : ภาวะเศรษฐกิจ ความขัดแย้งของมหาอำนาจใหญ่ สังคมสูงอายุ เมืองใหญ่ 2. หลักการสำคัญ “ ไม่มีความสำเร็จ จากการคิดครั้งเดียวหรือ ไม่ถึงร้อยครั้ง “ และต้องนำไปปฏิบัติ ทดลอง ในพื้นที่จริง อาจจะใช้พื้นที่ย่อ ก่อนไปสู่พื้นที่จริง “ คุณไม่สามารถ เป็นพ่อครัวที่สุดยอดได้ จากการอ่านตำราประกอบอาหารและเครื่องปรุง “ สุดยอดของพ่อครัวหรือเชฟมาจากการลงมือปรุงอหาร และการฝึกทักษะการทำครัว ฉันใดก็ฉันนั้น เราจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ จากการคิดและการปฏิบัติที่เป็นจริง 3. การเพิ่มหนทางหรือเพิ่มกำลัง ให้สามารถมีพลังที่จะไปถึงจุดหมายได้ หากเราได้ข้อสรุปว่า“ปัญหาอุปสรรคใหญ่ กำลังของผู้มีอำนาจและต่อต้านการเปลี่ยนแปลงใหญ่กว่ามาก” เราต้องหากำลังร่วม หรือวิธีการที่จะขยายกำลังให้มากพอ ที่จะเอาชนะศัตรูได้ ตอนที่ มอร์สกำลังคิดหาทางทำให้รหัสมอร์สมีสัญญาแรงพอ จากฝั่งทวีปหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งของอเมริกา เขาได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนม้าของผู้ส่งสาร ทำให้นึกออกว่า “ เขาน่าจะเพิ่มแรงสัญญาณได้ ด้วยการสร้าง สถานนีชุมสายขึ้นเป็นระยะๆ โดยมีระยะห่างที่เหมาะสม พรรคคอมนิวนิสต์จีน มีทฤษฎี ชี้นำการปฏิวัติ 3 ประการ คือ พรรคคอมนิวนิสต์จีน กองทัพประชาชน และ แนวร่วมประชาชาติประชาธิปไตย ขอเน้นที่งานแนวร่วม ที่เป็นส่วนสำคัญในการเอาชนะ ในขณะที่มีกำลังน้อยกว่าฝ่ายศัตรู ซึ่งต้องเห็นความสำคัญของมิตรร่วมรบ เคารพให้เกียรติ จริงใจต่อกัน จึงได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่น การให้ความคิดที่ถูกต้องแก่แนวร่วมแม้แต่แนวหลังของศัตรู ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเมื่อแนวร่วมหรือแนวหลังของศัตรู ยอมรับความคิดฯ ก็จะกลับมาร่วมกับเรา เป็นการยิงนกนัดเดียวได้ สองตัว คือ กำลังฝ่ายเราเข้มแข็งมากขึ้น กำลังศัตรูอ่อนแอลง ประเด็นสำคัญ ต้องเข้าใจและเห็นพลังของความคิดและแนวร่วมอย่างแท้จริง จึงจะสามารถปฏิบัติได้ 4. ต้องศึกษาพลังของการเปลี่ยนแปลง ที่จะสร้างจุดเปลี่ยนแปลง การเติบโต ความขัดแย้งไม่พอใจอย่างยอมไม่ได้ของประชาชน นอกจากการลุกขึ้นสู้อย่างเอาจริง ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐาน จากความเหลื่อมล้ำในสังคม และการผลิตที่ไม่เป็นธรรม ความขัดแย้งทางการเมือง จากปัจจัยทางการเมือง ทางสถาบันและกองทัพ รวมทั้งปัจจัยภายนอก อีกทั้งกำลังของฝ่ายทุนสามานย์ที่พร้อมจะเอาคืน และต้องการเปลี่ยนแปลงให้ถึงที่สุด จะเป็นปัจจัยสำคัญ - เมื่อความคิด และความต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เปิดออก เราจะเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน