บริษัทประกันพากันเซอร์ไพรส์กระทรวงคลังแก้กฎหมายใหม่เปิดช่องต่างชาติถือหุ้นในบริษัทประกันเต็ม 100% ฟอลคอลฯชิงปรับทัพและยุทธศาสตร์หนีตายการแข่งขันรุนแรง ปูพรมลดต้นทุน และยกระดับองค์กรรองรับก้าวสู่ประกันภัยยุคดิจิทัล นางโสภา กาญจนรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฟอลคอลประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของฟอลคอลประกันภัยใน 10ปีข้างหน้าค่อนข้างท้าทายมาก เพราะนอกจากจะเผชิญกับสถานการณ์ธุรกิจประกันภัยแข่งขันกันสูงมาก โดยเฉพาะบริษัทประกันภัยเริ่มมีปริมาณลดน้อยลง การแข่งขันราคากันเองใน 10กว่าบริษัทย่อมมีสูง ประกอบขณะนี้มีกฎหมายใหม่ออกมาถึง 2 ฉบับ ฉบับที่หนึ่งเป็นเรื่องของการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจประกันภัยได้ 100% ซึ่งตัวผู้บริหารธุรกิจประกันภันหลายๆแห่งค่อนข้างเซอร์ไพรส์พอสมควรว่า ออกมาค่อนข้างรวดเร็ว และกฏหมายอีกฉบับที่กำลังจะเริ่มใช้ ซึ่งจะเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในเรื่องของไทยแลนด์ 4.0 เรื่องของการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการ ซึ่งธุรกิจประกันภัยต้องปรับตัวกับเรื่องของการทำธุรกรรมของธุรกิจที่ผ่านอีเลคทรอนิกส์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกกรมธรรม์ นำเสนอขายกรมธรรม์ การจ่ายสินไหม ซึ่งคาดว่า ธุรกิจประกันจะทำธุรกรรมออนไลน์ให้กับลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง และมีข้อจำกัดน้อยลง นอกจากนี้เทรนด์ของลูกค้าปัจจุบันได้เปลี่ยนไป จากเจน X มาสู่เจน Y และเจน Zที่กำลังตามมา ซึ่งคนเจนนี้จะต่างจากเจนก่อนๆที่มักจะชอบเลือกซื้อสินค้าด้วยตัวเอง ดังนั้นธุรกิจประกันจำเป็นต้องปรับตัวให้ตนเองมีสินค้าให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้เอง ซึ่งเรามองว่าอนาคตจุดนี้มาใกล้ตัวเรามากขึ้น เพราะฉนั้นทุกบริษัทต้องปรับตัว ไม่ปรับตัว เรามีโอกาสจะล้มหายตายจากธุรกิจได้ทีเดียว สำหรับฟอลคอลฯแล้วเรามีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ก็คือ การนำระบบบริหารจัดการมาช่วยลดต้นทุน ซึ่งเราได้วางแผนตั้งแต่การผลิตสินค้า จนกระทั่งมาถึงกระบวนการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าเลือกเองได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซด์ ช่องทางออนไลน์ รวมทั้งมองถึงว่า เราต้องปรับการทำงานองค์กรให้กระชับ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้าได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งอาจจะส่งกรมธรรม์ทางอีเมล์หรือส่งข้อความทางเอสเอ็มเอส แม้กระทั่งการเปิดเว็บเพจให้ลูกค้าถ่ายรูปส่งมาในกระบวนการรับแจ้งเคลม ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทำได้ และคาดว่าจะทำให้เราสามารถจ่ายสินไหมให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เราจะปรับในระยะเวลาตลอด 10ปีข้างหน้านี้ “ถามว่าเราพร้อมไหมกับการเปลี่ยนแปลงที่จะ Tranfer ไปสู่ดิจิตอลแพลทฟอร์ม ต้องบอกว่า 1.ในแง่เงินทุนไม่ใช่ประเด็น เพราะเรามีเงินที่จะมาลงจากผู้ถือหุ้นใหญ่ที่แข็งแกร่ง 2.อะไรที่เป็นจุดแข็งเรา ด้วยเพราะเราอยู่มานาน เราเข้าใจลูกค้า เราเข้าใจวิสัยทัศศน์ หรือกลยุทธ์ของเราลึกเข้าไปในดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว อันนี้เรามองว่า เป็นจุดเด่น การจะเปลี่ยนเป็นดิจิตอลแพลทฟอร์ม ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมบริหารทุกท่าน การทำงานต่างๆต้องเปลี่ยนถ่ายให้มากที่สุด ลดขั้นตอนทำงานซับซ้อนลง และจุดแข็งที่ 3 คือเทคโนโลยี ที่เราใช้ปัจจุบันเป็นระบบอินชัวรันส์ซิสเต็มส์ที่ค่อนข้างทันสมัย ดังนั้นการจะเชื่อมต่างๆให้เต็มรูปแบบ ทำได้ง่ายกว่า ซึ่งจุดแข็งทั้ง 3 ข้อนี้จะทำให้เราปรับตัวได้รวดเร็วและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และไปรับกับดิจิตอลแพลทฟอร์มได้เร็ว”นางโสภา กล่าว นอกจากนี้ นางโสภา ยังกล่าวอีกว่า ในสว่นผลิตภัณฑ์รายย่อยที่จะขายตรงกับลูกค้า เรากำลังทำโปรดักส์ตัวหนึ่งออกมาในลักษณะซื้อทีเดียวได้ทั้งบ้านทั้งรถ ซึ่งจะแตกต่างจากตลาดทำอยู่ โดยลูกค้าอย่ากให้เราคุ้มครองเมื่อไหร่ สิ้นสุดเมื่อใด หรือจะให้วันต่อประกันตรงกับวันเกิดก็ทำได้ แทนที่ลูกค้าจะต้องมายุ่งยากกับการต่อประกันไม่รู้กี่บริษัทประกัน ซึ่งยุ่งยาก เราสามารถให้บริการตอบโจทย์ตรงนี้ได้ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Simple Easy และFriendly ตรงนี้เรามองว่า ผู้บริโภคน่าจะสนใจ ถ้าเราสามารถทำผลิตภัณฑ์ออกมาเสนอขาย โดยที่เราขายผ่านไดเร็กส์ ทำราคาให้ถูกด้วย เพราะว่า ต้นทุนเราไม่น่าจะสูงมาก เพียงแต่เอาคอมมิชชันหรือค่านายหน้าที่จะต้องจ่ายให้ตัวแทน แต่ไม่ต้องจ่าย นำมาลดให้กับลูกค้าแทน ก็สามารถทำได้ นี่คือหนึ่งในกลยุทธ์ของเราในการทำตลาด Personal Line ที่บริษัทฟอลคอลฯจะเดินไปในจุดนี้ นอกจากเรื่องสินค้าแล้ว ในเรื่องของบริการถือว่าสำคัญมาก เราเองจะมีการปรับแผนบริการจ่ายสินไหมที่รวดเร็วขึ้น โดยตั้งแต่นี้ไปเราจะมีเคพีไอว่า ถ้าจ่ายไม่เกิน 10 ล้านบาท ต้องจ่ายภายใน 7 วัน และถ้าเกิน 10 ล้านบาท จะจ่ายภายใน 14 วัน อันนี้เป็นเป้าหมายที่ฝ่ายสินไหมของบริษัทเราจะต้องรับไปหาทางบริหารจัดการให้ได้ตามเคพีไอที่บริษัทเราวางไว้ รวมไปถึงการให้บริการซ่อมรถโฉมใหม่ อย่างกรณีแผลเล็กแผลน้อยที่เดิมทีลูกค้าจะต้องไปจอดในอู่ 3 วันทำการถึงจะรับรถกลับไปได้ ต่อไปนี้ทางเราก็จะมีเซอร์วิสตัวนี้ใหม่ ซึ่งต่อไปลูกค้าสามารถนำรถเข้าจอดในอู่ แล้วไปทานข้าวหรือดูภาพยนตร์ จากนั้นเพียง 3 ชั่วโมงก็สามารถมารับรถที่ซ่อมกลับได้เลยทันที ซึ่งอุ่ที่ว่านี้เป็นอู่ที่อยู่ตามห้าง โดยบริษัทจะหาอู่คู่ค้าที่มีความชำนาญและมืออาชีพด้านนี้เข้ามาร่วมโครงการกับเรา นางโสภา กล่าวว่า สำหรับในปีที่ผ่านมาบริษัทผลิตเบี้ยประกันรับรวมได้อยู่ที่ 1,750 ล้านบาท เติบโต 5% ซึ่งถือว่า เป็นที่พอใจ เพราะเบี้ยทั้งตลาดเติบโตยังไม่ถึง 2% เลย ซึ่งเบี้ยปีที่ผ่านมเติบโตได้มากก็มาจากงาน Peronal Line และจากช่องทางใหม่ๆ และงานไดเร็กซ์ ซึ่งในปี 2017 บริษัทก็คาดว่าจะมีเบี้ยประกันจบอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งคิดว่า ด้วยศักยภาพของเราตรงนี้น่าจะไปถึง ด้วยงานต่ออายุและการหาตลาดใหม่ของเราขณะนี้แล้วคงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากจนเกินไป ด้านนายณัฐวุฒิ งานภิญโญ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัทฟอลคอลฯ กล่าวเสริมถึงแผนงานธุรกิจองค์กรว่า ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เราได้มีการปรับตัว เพราะตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง ในส่วนของปีนี้ก็คาดว่าธุรกิจองค์กรคงจะเติบโต 5% โดยไม่เติบโตเยอะ เพราะการแข่งขันยังรุนแรงอยู่ โดยมาจากงานประกันทรัพย์สินที่เป็นสินค้าหลักที่ปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายเบี้ยประกันไว้ 700 ล้านบาทอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าเราน่าจะทำได้ เพราะหลังปีที่แล้วเราปรับตัวไปแล้ว พอร์ตงานที่มีอยู่ เป็นพอร์ตที่เรามั่นใจว่า แข็งแรง ดังนั้นจะเป็นปีที่เรามั่นใจว่า จะสร้างกำไรระยะยาวให้กับบริษัทได้ ส่วนงานประกันก่อสร้างเราเองก็เชื่อว่า โครงการภาครัฐ หรือโครงการรถไฟฟ้าหลากสี เราเชื่อว่า การขึ้นโครงการเหล่านี้จะเป็นอานิสงส์ทำให้ธุรกิจงานก่อสร้างเราเติบโต โดยฟอลคอลฯเองมีจุดแข็งที่สำคัญคือ ฟอลคอลฯในเอเชียเรามีคู่ค้าที่อยู่ในเครือฟาร์แฟกซ์กันเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องงานก่อสร้างได้ดีทีเดียว โดยในเอเชียเรามีบริษัทที่ชื่อว่า BRIT เป็นลอยด์ซินดิเคททำธุรกิจงานก่อสร้างอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่างานก่อสร้างจะดีเลย์ 5 ปีหรือ 7 ปีสตาร์ทอัพ คงไม่เป็นปัญหา บริษัทเราสามารถจะนำเอาขีดความสามารถหรือศักยภาพตรงจุดนี้ในฐานะธุรกิจในเครือมารับงานนี้ได้อย่างสบาย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้งานประกันก่อสร้างเราเติบโตได้อย่างดีเช่นกัน ส่วนงานประกันรถยนต์คาดว่าจะเติบโตด้วยช่องทางขยายผ่านดีลเลอร์ ซึ่งเราเน้นดีลเลอร์ภาคตะวันออกและภาคกลางก่อน โดยจะนำเข้ามาศึกาาและลุยธุรกิจในปีนี้ ซึ่งตั้งเป้าไปที่งานประกันกลุ่มรถยนต์ โดยปีที่ผ่านมาเราได้เริ่มทำไปบ้างแล้ว แต่ปีนี้เราจะเลือกโฟกัสมากขึ้น โดยเฉพาะรถหัวลาก รถจักรยานยนต์ สำหรับงานประกันเบ็ดเตล็ด ก็คิดว่า เป็นไฮไลท์ของธุรกิจองค์กรเราที่มีสินค้าแตกต่างจากตลาดและด้วยประสบการณ์ของเราก็จะนำมาขยายตลาดปีนี้ได้มีประสิทธิภาพ โดยเราจะมีโปรดักส์การประกันการขยายระยะเวลารับประกันของผู้ผลิต ที่จะเข้าไปจับกับตลาดรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือบริษัทมือถืออยู่แล้ว หลังจาก 2-3ปีที่ผ่านมาเราขยายเข้าไปในไลน์ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และปีที่แล้วเข้าไปในธุรกิจมือถือแล้ว ปีนี้ก็ก็คงจะขยายเข้าไปมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ไซเบอร์อินชัวรันส์ ซึ่งรูปแบบผลิตภัณฑ์จะคล้ายๆกันในตลาด แต่เราจะขยายไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และเป็นสินค้าที่ตลาดไม่เคยทำมาก่อนมากกว่า