หลังมีข่าวฉาวโซเชียลทั้งกินและทั้งขาย ระบุเสี่ยงสูงติดเชื้อบ้าถึงตายได้ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีข่าววัยรุ่นนำเนื้อสุนัขมาชำแหละเพื่อประกอบอาหารรับประทานกันในวงเหล้า และกรณีมีชายสูงวัยซื้อสุนัขมาชำแหละเพื่อจำหน่ายเนื้อนั้น ขอเตือนประชาชนชนว่า การนำเนื้อสุนัขมาประกอบอาหารรับประทานกันเอง มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้หากสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ที่สำคัญเสี่ยงติดเชื้อตั้งแต่ขั้นตอนชำแหละ เพราะจะเป็นการสัมผัสกับสัตว์โดยตรง โดยเฉพาะสุนัขหรือแมวที่ป่วยหรือตาย ไม่ควรนำเนื้อมาประกอบอาหารรับประทานเด็ดขาด เพราะเสี่ยงสูงติดเชื้อและอาจเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าได้ หรือแม้แต่สงสัยว่าติดเชื้อโรคก็ไม่ควรนำมารับประทานเช่นกัน ที่สำคัญโรคพิษสุนัขบ้านั้น ผู้ติดเชื้อและแสดงอาการแล้วจะเสียชีวิตทุกราย ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากถูกสุนัขหรือแมวกัด-ข่วน แล้วไม่ได้รักษาหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างถูกต้อง ดังนั้นหากถูกสุนัขหรือแมวที่สงสัยว่าเป็นโรคกัด ข่วน เลีย น้ำลายกระเด็นเข้าทางตา ปาก หรือทางผิวหนังที่มีบาดแผล ควรรีบปฐมพยาบาล ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆครั้ง แล้วเช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโพวีโดนไอโอดีน ถ้าไม่มีให้ใช้แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ไอโอดีน จากนั้นไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งนี้ โอกาสที่คนจะติดเชื้อหลังถูกสัตว์ที่ป่วยหรือมีเชื้อโรคกัดหรือข่วน ขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อโรคที่เข้าไปในร่างกาย สายพันธุ์ของเชื้อ รวมถึงตำแหน่งที่ถูกกัด ระยะฟักตัวของโรคมีตั้งแต่ 1 สัปดาห์หรืออาจนานเกิน 1 ปี ส่วนอาการของโรคพิษสุนัขบ้า เริ่มจาก 2-3 วันแรกผู้ป่วยจะเบื่ออาหาร เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ อ่อนเพลีย ชา เจ็บเสียว หรือปวดบริเวณรอยแผลที่ถูกกัด คันอย่างรุนแรงที่แผลและลำตัว ต่อมาจะมีอาการกระสับกระส่าย กลัวแสง กลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลว กลัวน้ำ กล้ามเนื้อขากระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หรืออาจชัก เกร็ง อัมพาต หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด