นางสาววิรวัฒน์ สังข์ศิลป์ อายุ 38 ปี พร้อมกับลูก ด.ญ.สุวรินทร์ สังข์ศิลป์ อายุ 3 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 330 ถนนอิสรภาพ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ประชาชนที่ผ่านจุดคัดกรองเข้าชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กล่าวว่า ได้เข้ามาจับจองพื้นที่ปักหลักค้างคืนบริเวณจุดคัดกรองท่าพระจันทร์ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2560 และเมื่อเวลา 05.00 น.ได้มีการเปิดจุดคัดกรองก็ได้เข้าแถว แล้วเดินตามแถวมาเรื่อยๆ จนมาหยุดบริเวณหน้าประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “เมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกอย่างหนัก มาวันนี้เจอทั้งแดดสลับกับฝนตก ถามว่าเราเหนื่อยไหม เราไม่เหนื่อย เราสู้เพื่อพ่อ เพราะที่ผ่านมาพ่อทำงานหนักมาก เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยอยู่ดีกินดี เรามานั่งคอย มารอกราบพระองค์ท่านครั้งสุดท้ายซึ่งไม่ได้ลำบากอะไรเลย” นางสาววิรวัฒน์ กล่าว โชคดีที่ลูกสาวไม่งอแง ที่ผ่านมาตนพาลูกสาวเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จำนวน 10 กว่าครั้ง เพราะอยากให้เขารู้ว่า เขาเกิดในรัชกาลที่ 9 หลังจากนี้ก็จะค่อยสอนลูกว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยทำอะไรบ้าง เคยช่วยประชาชนอย่างไร จะสอนเขาทุกอย่างตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการประหยัดและความพอเพียง ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ไม่ฟุ่มเฟือย ด้านนางสุภาพ คูสกุล อายุ 55 ปี อยู่บ้านที่ 185/3 ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา บอกว่า ดีใจที่ประเทศไทยกษัตริย์อย่างพระองค์ท่าน ตนรักในหลวงมาก ช่วงที่พระองค์เสด็จมาประทับที่โรงพยาบาลศิริราชตนจะไปคอยรับเสด็จทุกครั้ง เว้นแต่ช่วงที่พระองค์เสด็จพระทับที่วังไกลกังวลก็ไม่ได้ตามไปรับเสด็จเท่านั้น ตนรู้สึกดีใจมากตื้นตันใจที่เห็นพระองคต์ท่าน ขนลุกและน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ต่อจากไปนี้ก็ไม่มีพระองค์ท่านอีกแล้วตนจะน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในการดำเนินชีวิต “ทุกวันนี้ได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่น ทำไร่นาสวนผสม ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เลี้ยงปลา และปลูกผัก เหลือจากกินก็ขาย เหลือจากขายก็แบ่งปันเพื่อนบ้านข้างๆ เราก็จะไม่อดหยาก เพราะเราใช้ชีวิตแบบพอเพียง” นางสุภาพ กล่าว