เมื่อวันที่ 27 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะกรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน มีบทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงหนึ่ง ซึ่งมีความว่า “...พระพรมท่านบันดาลให้ฝนหลั่ง เพื่อประทังชีวิตมิทรามน้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชุ่มธารา...” “ฝน” นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความชุ่มชื่น ความสุข และความหวัง สำหรับประเทศเกษตรกรรมดังเช่นประเทศไทยของเรา “ฝน” นั้นอาจเป็นอุปสรรคสำหรับการดำรงชีวิตบ้าง แต่ไม่เป็นข้อจำกัดสำหรับการแสดงความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีแด่ “พ่อหลวงของปวงชน” และ “ฝน” นั้นอยู่คู่ฟ้า แล้วก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของโลก เหมือนคำสอนของ “ในหลวงของเรา” ที่จะเป็นมรดกพระราชทาน ซึ่งจะอยู่คู่ชาติไทย ตราบเท่าที่พวกเราได้น้อมนำไปสู่การปฏิบัติ ด้วยความเข้าใจ อย่างถ่องแท้นะครับ ดังนั้น “น้ำฝน” จึงเปรียบเสมือน “น้ำพระทัย” จากพ่อของแผ่นดิน อันเป็นน้ำทิพย์ชโลมหัวใจไทยทั้งชาติ รายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ในคืนนี้ ขออัญเชิญส่วนหนึ่งของบทเพลงพระราชนิพนธ์ “สายฝน” เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับพี่น้องประชาชน คนไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่า ทั้งนี้ ใครก็ตามที่ได้น้อมนำ “คำพ่อสอน” ใส่เกล้าใส่กระหม่อม ย่อมเกิดพลังกายพลังใจ ในการประกอบกิจการงานของตนแล้วก็นำพาก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ได้นะครับ ที่สำคัญก็คือ “การเอาชนะใจตนเอง” ได้ในที่สุด โดยสามารถขยายผลเพื่อตัวเอง เพื่อครองครัวแล้วก็เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมโดยส่วนรวมต่อไปด้วยนะครับ ในโอกาสสำคัญนี้ ผมขอแสดงความชื่นชมและขอขอบคุณ พี่น้องประชาชน “ทุกคน” ที่ได้ทำหน้าที่ “ลูกที่ดีของพ่อ” อย่างแข็งขัน ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ “จิตอาสา” ทั้งที่เป็นวินมอเตอร์ไซด์ฟรี, ทำอาหารแจก, เก็บขยะ-ทำความสะอาด, ดูแลผู้สูงอายุ-คนพิการ ในระหว่างการกราบถวายบังคมพระบรมศพฯ มาจนถึง “จิตอาสาเฉพาะกิจฯ” ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อีก 8 กิจกรรมรวมทั้งข้าราชการ อาสาสมัคร ช่างสิบหมู่ ที่ร่วมกันตระเตรียมงานและดำเนินการทุกอย่าง ทั้งงานก่อสร้าง การรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจร การจัดพระราชพิธีต่างๆ นะครับ รวมทั้งการจัดนิทรรศการเพื่อเทิดทูนสถาบันฯ และพระราชกรณียกิจต่างๆ รวมไปถึง ความร่วมมือจากสถานีวิทยุ โทรทัศน์ สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่ช่วยบริการด้านข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย และภาคเอกชน ผู้ประกอบการร้านค้า ที่ได้ริเริ่มกิจกรรมงานสร้างสรรค์มากมาย เพื่อพ่อ เพื่อสังคม เช่น งานประดับซุ้มและอุโมงค์ดอกไม้ ของชาวปากคลอง ตลาด ห้วงที่ผ่านมา เหล่านี้เป็นต้นนะครับ แม้กระทั่ง ศิลปินนักร้องชาวต่างประเทศ จากทั่วทุกมุมโลก ต่างก็รวมตัวกัน แต่งบทเพลงเพื่อเป็นการยกย่อง “ในหลวงของเรา” ว่าทรงเป็นดัง “แสงสว่างที่ไม่เคยดับ” ในใจคนไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาหาเลี้ยงชีพ หรือพักอาศัยในประเทศไทย ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ อีกมากมายนะครับ อาจจะกล่าวถึงไม่ได้ทั้งหมด รวมความไปถึงผู้ที่พกอาศัยในต่างประเทศด้วยนะครับ ก็มีการจัดกิจกรรมของสถานเอกอัคราชทูตในทุกประเทศนะครับที่เราประจำอยู่แล้วก็มีคนไทยอาศัยอยู่ในต่างปะเทศนะครับ พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ, งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ก็ได้ปรากฏเป็นที่ “ประจักษ์แก่สายตา” นานาอารยประเทศ ถึงความสง่างามสมพระเกียรติยศอันสูงยิ่งตามแบบแผนโบราณราชประเพณี อีกทั้ง ความวิจิตรบรรจงและทรงคุณค่า ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชนชาติไทย ด้วยสรรพศาสตร์ ทั้งงานประณีตศิลป์แขนงต่างๆ ทั้งงานศิลปกรรม อาทิ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และภูมิสถาปัตย์ เป็นต้น เหนือสิ่งอื่นใด คือ การแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรไทย ที่มีแด่พระองค์ พระผู้เปรียบเสมือน “พ่อ” ของปวงชนชาวไทยทั้งแผ่นดินนั้น ก็ได้ประจักษ์แก่หัวใจของชาวโลกด้วยเช่นกัน ผมเชื่อว่าวันที่ 26 ตุลาคมนั้น เป็นอีกหนึ่งวัน ที่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความรู้สึกเดียวกัน ซึ่งปะปนระคนกัน ระหว่างความอาลัยรัก ต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ในการจากลาพระมหากษัตริย์ “ผู้เป็นที่รักเทิดทูนยิ่ง” กับความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้นที่ได้ร่วมกันถวายความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้าย แด่ “พระผู้เสด็จสู่สรวงสวรรคาลัย” และผมก็มั่นใจว่าความรู้สึกเช่นนี้ หาได้เกิดแต่ปวงชนคนไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร เพียงลำพังไม่ ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันเปี่ยมล้น พระปรีชาสามารถอันสูงส่ง และพระราชจริยวัตรอันงดงาม ที่ได้แผ่ไพศาลทั่วทุกสารทิศพระเกียรติคุณขจรไกลในสากลประเทศ ส่งผลให้ทั่วโลกถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญ ของมวลมนุษยชาติดุจกันนะครับ และต่างร่วมกับพี่น้องชาวไทย ถวายความอาลัย ถวายพระเกียรติ และยกย่องสรรเสริญ ให้พระองค์ทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่จะถูกจดจำและบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไปอีกนานเท่านาน พี่น้องประชาชนที่รัก ครับ, นับจากนี้สืบไป แม้จะยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งความขมขื่นสุดที่คนไทยจะหักห้ามหัวใจแห่งความรัก และความระลึกถึง ที่มีแด่ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ได้ ผมขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้ดำรงตนให้เข้มแข็ง ครองสติให้บริบูรณ์ และตั้งจิตให้มั่นคง อยู่ในความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ขออย่าได้อ้างว้าง ว้าเหว่ แต่จงแปรความรู้สึกเปลี่ยวเปล่าและเหน็บหนาวใจเหล่านั้นให้เป็นพลังแห่งความศรัทธา ความเพียรอันบริสุทธิ์ ที่จะร่วมมือกันสร้าง “ประชารัฐ” ในการพัฒนาประเทศชาติ ทำนุบำรุง และรักษาแผ่นดินไทยให้เจริญรุ่งเรือง สมเป็น “สุวรรณภูมิ” ดั่งที่พระองค์ทรงตั้งพระราชปณิธาน และทรงทุ่มเทพระวรกายมาตลอดระยะเวลา 70 ปี เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์และลูกหลานในภายภาคหน้า มีแต่ความผาสุกสวัสดี แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย หรือยิ่งใหญ่ แต่เราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงงานหนักเพื่ออาณาประชาราษฎร์ โดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มีวันหยุด แม้จะทรงพระประชวร มาวันนี้ พระองค์ท่านแม้ว่าจะมิได้ประทับเป็น “พลังของแผ่นดิน” ดั่งเช่นที่ผ่านมา แต่เรายังมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ประทับเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจ โดยเสด็จฯ ขึ้นทรงราชย์ เพื่อสืบสานพระราชปณิธาน และสานต่อพระราชภารกิจ แห่งสมเด็จพระบรมชนกนาถ สืบไป ทั้งนี้ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และ “ศาสตร์พระราชา” จะยังคงอยู่คู่ชาติบ้านเมือง และได้นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เฉกเช่น คำสอน ในทุกศาสนา ที่ยังคงอยู่คู่บรรดา ศาสนิกชน อันจะนำไปสู่หนทางดับทุกข์ และความสว่างไสวในจิตใจคน อนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงครองแผ่นดิน โดยถึงพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ผู้จะประทับอยู่ในดวงใจไทยทั้งมวล นับจากวันแรกที่เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติจนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ และจะทรงสถิตอยู่ในดวงใจราษฎรของพระองค์เช่นนั้นตลอดไป ตราบชั่วนิจนิรันดร์ สุดท้ายนี้, ผมขอให้ “ทุกคน” ได้จดจำช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ดวงใจชาวไทยทุกดวงหลอมรวมเป็นหนึ่ง ในการถวายความอาลัยรักต่อพระองค์ท่าน จดจำความรัก ความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่เรามีให้กัน และนำเอาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นำเอาพลังแห่งความรัก ความภักดีนี้ มาร่วมกันสร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติด้วยการ “คิดดี พูดดี ทำดี” เพื่อพ่อ และสานต่อพระราชปณิธาน หลายสิ่งหลายอย่างที่พระองค์ท่านทรงสร้าง ทรงวางรากฐานไว้ พวกเราสามารถช่วยกันคนละไม้ละมือ ต่างคน ต่างอาชีพ ช่วยกันทำ เท่าที่แรงกำลังของเราจะทำได้ โดยพึงระลึกอยู่เสมอว่า ด้วยเพียง “สองพระหัตถ์” ของพระองค์ท่าน ทรงสร้างสรรค์โครงการมากมาย ก่อให้เกิดปัญญาและหลักคิดที่เป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต รวมทั้งการทำงาน ให้แก่ปวงชนชาวไทย ดังนั้นพวกเราหลายสิบล้านคน ก็จะต้องช่วยกันสานต่อ “งานที่ยังไม่เสร็จสิ้น” เพื่อให้พระองค์ท่านได้ทอดพระเนตรเห็นความเจริญวัฒนาสถาพรของแผ่นดินไทย ความรัก สมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ และประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ให้ท่านได้ทรงหายเหนื่อยและหายห่วงนะครับ