จากกรณีรัตติกา โต๊ะนิล อายุ 59 ปี ราษฎร หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ที่ญาติแจ้งหายตัวไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา หายไปพร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปปี้-ไอ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กข 5469 อุตรดิตถ์ ต่อมามีผู้พบเห็นรถจักรยานยนต์และศพที่บริเวณถนนเรียบคลองส่งน้ำชลประทาน ถนนศรีชาววัง ต.บ้านเกาะ สภาพมีกิ่งไม้ปิดปังรถไว้ ส่วนศพนางรัตติกาท่อนล่างเปลือยเปล่า พบห่างจากรถจักรยานยนต์ 20 เมตร เจ้าหน้าที่นำศพไปผ่าพิสูจน์สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.ท.องอาจ คงพันธุ์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.ท.สมบูรณ์ คล่องใจ สารวัตร สืบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.อ.ทัพพ์เศรษฐ์ เขื่อนแก้ว ผกก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) อุตรดิตถ์ พ.ต.ท.โสภณกรณ์ ช้างลอย รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.อุตรดิตถ์ และ ชุดสืบสวน ภ.จว.อุตรดิตถ์ นำหมายศาลจับศาล จ.อุตรดิตถ์ เลขที่ จ 418/2560 จับกุมตัวนายบุญรอด ชุ่มปากพิง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 บ้านท่าสัก หมู่ 1 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ หลังใช้เวลาตามแกะรอยฆาตกรโหดรายนี้จากกล้องวงจรปิดบริเวณแยกชลประทาน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตรใช้นานกว่า 20 วัน หลังจากได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้วก็มาดูและพบว่าภาพนายบุญรอดกางเกงเปียกน้ำและคราบโคลนที่หลงเหลือจากที่เกิดเหตุที่ติดตัวนายบุญรอดมาเพียงเล็กน้อยก็นำมาขยายผล ประกอบกับพยานที่เคยเห็นรูปร่างและจักรยานของฆาตกรเคยใช้ก็ให้ข้อมูลว่า น่าจะใช่นายบุญรอด เมื่อแน่ใจแล้วจึงนำหมายศาล จ.อุตรดิตถ์ เข้าทำการจับกุมทันที เป็นการปิดคดีนี้ได้ แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยยอมรับว่า เป็นคดีที่ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในที่เกิดเหตุเลย นายบุญรอดให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุขี่จักรยานออกจากบ้านที่มาพักอาศัยอยู่แถวตลาดนัดแม่บุญมา หลังสถานีขนส่งผู้โดยสาร เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อไปวางข่ายดักปลาจากนั้นเวลาประมาณเกือบเที่ยงวันได้ไปเจอนางรัตติกานั่งตกเบ็ดอยู่ ก็ไปพูดคุยว่า จะขอวางข่ายดักปลา แต่นางรัตติกาบอกว่าไม่ได้ จึงขี่รถจักรยานไปวางข่ายที่อื่น แต่ไม่ได้ปลาสักตัว ขณะขี่รถจักรยานย้อนกลับมายังที่เดิมเจอนางรัตติกานั่งตกปลาอยู่ จึงเกิดความโมโห จึงเข้าไปทางด้านหลังเอามือบีบคอกดน้ำ แม้นางรัตติกาพยายามร้องขอให้ปล่อย แต่นางบุญรอดไม่ยอมใช้เวลากดน้ำประมาณ 5 นาทีก็นิ่งไป “หลังจากนางรัตติกานิ่งไปแล้วเพราะถูกกดน้ำ นายบุญรอดก็ถอดกางเกงของนางรัตติกาออกหมายจะข่มขืน แต่พอพลิกตัวมาเห็นหน้านางรัตติกา ที่มีความผิดปกติจึงไม่มีอารมณ์ นายบุญรอดจึงลากศพไปอำพรางในป่าหนามในคลอง จากนั้นก็เข็นจักรยานยนต์ของนางรัตติกาลงไปที่คลองชลประทานฝั่งตรงข้ามแล้วหักกิ่งไม้ข้างทางอำพรางรถไว้ จากนั้นก็เอารองเท้า เบ็ดตกปลา กระป๋องเหยื่อตกปลาของนางรัตติกาขว้างทิ้งในคลอง จากนั้นจึงขับรถจักรยานไปเก็บของเก่าที่ขนส่งผู้โดยสาร แล้วกลับบ้านพัก โดยผ่านกล้องวงจรปิดบริเวณ 4 แยกคลองชลประทานสามารถจับภาพไว้ได้ จนนำไปสู่การคลี่คลายคดีนี้ได้ในที่สุด พ.ต.อ.ดิษยเดช กล่าวว่า ก่อนที่นายบุญรอดจะมาก่อคดีฆ่านางรัตติกา เพียงแค่มีปากเสียงกันเรื่องวางข่ายดักปลา ซึ่งนายบุญรอดหวังข่มขืน แต่เนื่องจากนางรัตติกามีความผิดปกติของหน้าตาทำให้นายบุญรอดเปลี่ยนใจ จากการสอบประวัติย้อนหลังนายบุญรอดทราบว่า เคยก่อคดีมาแล้ว 8 คดีคือวันที่ 11 กันยายน 2530 คดีบุกรุกเคหะสถานยามกลางคืน เหตุเกิดที่ สภ.พิชัย ครั้งที่ 2 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2532 ร่วมกันเล่นการพนันน้ำเต้าปูปลา ครั้งที่ 3 วันที่ 14เมษายน 2534 คดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน เหตุเกิด สภ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ครั้งที่ 4 ปี 2538 คดีพยายามข่มขืนหญิงอายุ 50 ปี เหตุเกิด สภ.นาอิน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ครั้งที่ 5 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2539 ฆ่าผู้อื่นและชิงทรัพย์ เหตุเกิด สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ครั้งที่ 6 คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เหตุเกิด สภ.วังกะพี้ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ครั้งที่ 7 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 คดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน เหตุเกิด สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก พื้นโทษเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ก่อนจะมาก่อเหตุครั้งล่าสุดครั้งที่ 8 ฆ่านางรัตติกา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560