รวบ “วรรณา” ผู้ต้องหาร่วมคดีระเบิดหน้าศาลท้าวมหาพรหม สังเวย 20 ชีวิต ฐานเปิดเปิดบ้านพักให้แก๊งระเบิดย่านหนองจอก ตำรวจแจ้ง 6 ข้อหาหนัก เจ้าตัวปฏิเสธสู้คดี “ศรีวราห์” ยันจับตามหมายเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายที่เหลือทั้งในและต่างประเทศผ่านช่องทางอินเตอร์โพล ก่อนควบคุมตัวส่งศาลทหาร เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 22 พ.ย.60 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ตม.ได้เข้าควบคุมตัว นางวรรณา สวนสัน หรือ นางไมซาเราะห์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 หมู่ที่ 6 ต.ครุ อ.คุระบุรี จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมกันมีวัตถุระเบิดและยุทธภันฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญญาติ ที่ร่วมกับกับนายอาเดม คาราดัก และ นายเมียไรลี ยูซูฟู ชาวตุรกี ลอบวางระเบิดที่หน้าศาลท้าวมหาพรหม หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอรวัณ สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2558 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 20 คน บาดเจ็บ 123 คน ทั้งชาวไทย จีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ โอมาน มัลดีฟส์ หลังได้รับแจ้งว่านางวรรณา จะเดินทางเข้ามาในประเทศตามช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อพบตัวเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สำนักงาน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ชั้น 7 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมาถึงได้มีแม่ พี่ชาย พี่สะไภ้ มารอรับ เมื่อพบหน้าต่างสวมเข้ากอดกันร้องไห้ ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ของ นางวรรณนา ได้มีลูกมาด้วย 2 คน อีกคนยังแบเบาะ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนทันที ก่อนสอบปากคำได้มีแพทย์เวรจาก รพ.ตำรวจ ตรวจร่างกายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะแสดงหมายจับพร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทาให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทาให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง, พาอาวุธ(วัตถุระเบิด)ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธรณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 ก.ย.58 โดยนางวรรณาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ไม่มีส่วนร่วมในการดำเนินคดี ซึ่งการแจ้งข้อหาได้มีทนายจากสภาทนายความและญาติเข้าร่วมรับฟังด้วย ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า การควบคุมตัวครั้งนี้เป็นการจับกุมตามหมายจับ ส่วนกรณีที่มีข่าวถูกจับที่ประเทศตุรกีเป็นข้อเท็จจริงนอกประเทศยืนยันไม่ได้ ส่วนการทำงานระหว่างประเทศเป็นเรื่องของอัยการเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยืนยันว่าเป็นการจับกุมตามหมาย เมื่อสืบสวนว่าเขาจะเดินทางเข้าประเทศก็ได้เชิญตัวมา กระบวนการหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการศาลทหาร ซึ่งอัยการศาลทหารได้ฟ้องไปแล้ว โดยนางวรรณา เป็นคนที่ 3 ที่ถูกจับกุมได้ ต่อจากนายอาเดม คาราดัก และ นายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 17 คน รวมจับได้แล้ว 3 เหลือ 14 คน มั่นใจในพยานหลัก ส่วนการดำเนินการจับกุมคนร้ายที่เหลือ จะได้เร่งรัดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้าต่างประเทศเทศใช้ช่องทางอินเตอร์โพลในการติดตามตัวคนร้าย เมื่อสอบถามไปยังนายนายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้านบุคคลที่นางวรรณาไว้วางใจให้เข้าร่วมการสอบปากคำด้วยกล่าวว่า นางวรรณา เป็นลูกบ้านที่พังงา และยังเคยเห็นนายะนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ชาวตุรกี สามีนางวรรณาด้วย ขณะที่ไปทำ ตม.ที่จังหวัดพังงาเพื่อเดินทาทงไปตุรกี ถ้าจำไม่ผิดวันที่ 14 หรือ 15 พ.ค.58 และเดินทางไปตุรกีวันที่ 17 พ.ค. 58 ส่วนเพื่อนของ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ก็เคยไปบ้านในวันแต่งงานทางศาสนา แต่ไม่ทราบว่าทำงานอะไร ทราบเพียงว่าทำธุรกิจเล็กๆน้อย ๆ ส่วนการเดินทางกลับมาวันนี้ นางวรรณา ประสานงานมาที่ครอบครัวเขาแล้วตำรวจก็ประสานมา เขาอยากกลับมาต่อสู้คดีทางบ้านจึงได้ทำเรื่องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประสานไปยังประเทศตุรกี หลังจากนั้นก็มีหนังสือประสานกลับมา เขาดีใจที่ได้กลับมาต่อสู้คดี เพราะเขากลับมาไม่ได้เขาเป็นผู้ต้องหา ด้านนางเอมอร สวนสัน พี่สะไภ้ เปิดเผยว่า ดีใจที่น้องได้กลับมา น้องเขาไม่ได้รู้เรื่อง หลังถูกออกหมายจับก็ได้พูดคุยกับน้องอยู่ตลอดเขาก็บอกไม่รู้เรื่อง การกลับมาครั้งนี้เพื่อมาพิสูจน์ความจริง เพราะหลังถูกออกหมายจับทางการประเทศตุรกีได้กักบริเวณมาตลอด ซึ่งเขาก็พยายามกลับมาตลอดแต่ไม่สามารถกลับมาได้เนื่องจากถูกกักบริเวณ ส่วนตัวสามีเขาก็ถูกกักบริเวณเช่นกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนางวรรณา สวนสัน หรือ นางไมซาเราะห์ เป็น 1 ใน 17 ผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับ และได้เดินทางไปยังประเทศตุรกีก่อเกิดเหตุระเบิด โดยนางวรรณา ร่วมกับสามีคือนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ชาวตุรกี ในการเปิดห้องพัก เช่าบ้านให้กลุ่มผู้ต้องหาย่านมีนบุรี สำหรับคดีนี้เกิดในวันเกิดเหตุวันที่ 17 ส.ค.58 หลักฐานจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยได้ 1 ราย คล้ายแขก สวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีฟ้า สวมผ้ารัดข้อมือสองข้าง สะพายกระเป๋านั่งรถ 3 ล้อเครื่อง มาที่หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอรวัณ ก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ม้านั่งหินภายในรั้วศาลพระพหรม แล้ววางกระเป๋าก่อนเดินหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แล้วเกิดระเบิดดังขึ้นสนั่นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเก็บรวมรวบพยานหลักฐาน ต่อมาวันที่ 18 ส.ค.58 พบระเบิดอีกลูกที่ที่เรือสาธร แต่โชคดีระเบิดตกน้ำบริเวณโป๊ะเรือสาธรทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ เข้าปิดล้อมตรวจค้นที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้น ซ.เชื่อมสัมพันธ์ ย่านหนองจาก สามารถควบคุมตัว นายอาเด็ม คาราดัค พร้อมด้วยอุปกรณ์ประกอบระเบิดและเป็นชนิดเยวกันกับระเบิดที่หน้าพระพรหม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พบเป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่ลอบวางระเบิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปขังไว้ที่ สน.ลุมพิณี เพื่อส่งศาลทหารดำเนินคดีต่อไป