เอ่ยถึง "ผู้นำประเทศ" ที่ได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็น "ผู้นำแห่งยุค" แล้วล่ะก็ ผู้สันทัดกรณีล้วนชี้นิ้ว ยกให้ "ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย"เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำแห่งยุคนี้สมัยนี้ด้วย แถมมิหนำซ้ำ ก็มิได้ยืนอยู่แถวหลังแต่ยังง้ำผงาดยืนอย่างองอาจอยู่ "แถวหน้า" ของเหล่าบรรดาผู้นำแห่งยุคที่ว่านั้น อีกต่างหาก ทั้งจากกิจกรรมส่วนตัว ที่แต่ละรายการล้วนเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างโดดเด่นเช่น การเล่นยูโดบ้าง หวดฮอกกี้น้ำแข็งบ้าง เป็นอาทิ รวมถึงการดำเนินนโยบายทั้งในประเทศ ด้วยกุศโลบายต่างๆ จนสามารถทำให้ประเทศที่เขาบริหารปกครอง คือ รัสเซีย นอกจากก้าวข้ามปัญหาต่างๆ มาได้ด้วยดี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจอันสืบเนื่องมาจากมาตราการคว่ำบาตรหรือแซงก์ชัน และเล่ห์กระเท่ห์ ต่างๆ จากเหล่ามหาอำนาจตะวันตก แต่ทว่า ก็ไม่สามารถล้มคว่ำการบริหารปกครองของประธานาธิบดีปูติน ที่กล่าวกันว่า เป็น"พี่ใหญ่" ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงเสียงจริงในแดนพญาหมีรายนี้ ให้พังครืนลงมาได้ เช่นเดียวกับ กับการต่างประเทศ ที่ประธานาธิบดีปูติน ก็ใช้วิเทโศบายสารพัด จนสามารถผลักดันให้รัสเซีย ทะยานก้าวขึ้นมาผงาดบนเวทีโลก ในฐานะมหาอำนาจอีกชาติหนึ่ง หลังถูกลดทอนลงไปในช่วงการล่มสลายของ" "สหภาพโซเวียตรัสเซีย" เมื่อครั้งอดีต อย่างล่าสุด ก็ในการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับ "ซีเรีย" ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่แทบจะล่มสลายไปกับ "สงครามกลางเมือง" ตั้งแต่ช่วงปรากฏการณ์"อาหรับสปริง" ที่ไฟสงครามปะทุลุกโชนขึ้นเมื่อปี 2554 และต่อด้วย "สงครามการก่อการร้าย" กับ ขบวนการก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง "รัฐอิสลาม" หรือ"ไอเอส" ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏว่า รัสเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีปูตินก็ได้กรีธาสรรพกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังทางอากาศด้วยการส่งฝูงบินรบออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และทางน้ำ ส่งกองเรือรบมายิงขีปนาวุธ จรวดร่อน ถล่มเป้าหมายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งแม้มีบางรายงานระบุว่า ส่วนหนึ่งของชุดโจมตี ก็มีที่มั่นของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย เป็นเป้าหมายของการถล่มนั้นด้วยก็ตาม อันเป็นไปตามนัยที่ทางการมอสโก ยืนเป็นแบ็กให้ความสนับสนุนแก่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำรัฐบาลซีเรีย ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายแทรกแซงด้วยปฏิบัติการอันหฤโหดข้างต้น เดิมก็เป็นยุทธการ "แบ่งเค้ก" แบบ "ปาดหน้า"ต่อ "สหรัฐอเมริกา" เจ้าของฉายา "พญาอินทรี" ซึ่งเป็นผู้นำมหาอำนาจชาติพันธมิตร เข้าร่วมสงครามในซีเรีย ที่ออกตัวกันไปก่อนหน้า โดยมีรายงานว่า สหรัฐฯและเหล่าชาติพันธมิตรของเขา ให้การสนับสนุนต่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และชนกลุ่มน้อยชาวเผ่าเคิร์ด พร้อมๆ กับการปราบปราบกลุ่มไอเอส หรือที่บางคนเรียกว่า "ไอซิส" ไปในตัวเสร็จสรรพ ผลของการมะรุมมะตุ้มกันโจมตีปรากฏว่า กลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงไอเอส ต้องพากันเผ่นหนีออกจากซีเรียแทบไม่ทันกันไปเลย เพราะฐานที่มั่นของเหล่าวายร้าย ในเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน "รักกา" อันเปรียบได้กับนครหลวง เมืองเอกของพวกเขา ต้องแตกพ่ายยับกลับคืนไปสู่รัฐบาลดามัสกัสของประธานาธิบดีอัสซาดกันอีกคำรบโดยมีทางการรัสเซียของประธานาธิบดีปูติน ให้ความสนับสนุนในปฏิบัติการยุทธ์ซึ่งสนธิกำลังกับฝ่ายมุสลิมนิกายชีอะฮ์ ที่มีทางการเตหะราน คือ รัฐบาลอิหร่านให้ความสนับสนุนด้วยเช่นกัน จากอานิสงส์ของสารพัดปฏิบัติการข้างต้น ก็ส่งผลให้ "รัสเซีย" พญาหมีของประธานาธิบดีปูติน เบียดแซงหน้าลุงแซม อันเป็นอีกนิกเนมของสหรัฐอเมริกาได้ก้าวผงาดขึ้นมาทรงอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างฉับพลันทันใด ก่อนตอกย้ำถึงความทรงอิทธิพลในซีเรียแห่งนั้น ท่านประธานาธิบดีปูติน ก็ยังได้ "เชิญ" หรือถ้าพูดกันอย่างบ้านๆ ก็ต้องบอกว่า "เรียกไปคุย" กันถึงในแดนดินถิ่นพญาหมี คือ รัสเซีย นั่นคือ การจัดอีเวนต์ของการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีปูติน กับประธานาธิบดีอัสซาด ในประเทศรัสเซีย นั่นเอง โดยประธานาธิบดีปูติน ได้เปิด "โซชี" เมืองตากอากาศชื่อดังในแคว้น "ครัสโนดาร์ไคร" ริมฝั่งทะเลดำ ให้การต้อนรับประธานาธิบดีอัสซาด ท่ามกลางบรรยากาศให้การต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่นชื่นมื่นเป็นที่ยิ่ง โดยจั่วเปิดประเดิมเริ่มการพบปะ ทั้งการสวมกอดอย่างอบอุ่นฉันมิตร ก่อนเอ่ยปากชมเรื่องความร่วมไม้ร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มไอเอส และปิดท้ายด้วยการวาง แนวทางให้ความสนับสนุนแก่ซีเรีย ในการสถาปนาการเมืองยุคใหม่ของทางการดามัสกัส มิหนำซ้ำ ประธานาธิบดีปูติน ก็ยังโบกไม้ โบกมือ อำลาก่อนลาจากกัน ยิ่งเพิ่มบรรยากาศ เติมเต็มมิตรภาพกระชับความแน่นแฟ้น ทั้งนี้ การเรียกประธานาธิบดีอัสซาดไปพบปะ สะท้อนอิทธิพลของพี่เบิ้มใหญ่จากรัสเซียรายนี้ ที่มีต่อซีเรียได้เป็นอย่างดี ใช่แต่เท่านั้น ประธานาธิบดีปูติน ก็ยังมีกำหนดการหารือผ่านทางต่อสายโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในไม่อีกกี่อึดใจนี้ รวมถึงการเจรจากับประธานาธิบดีเรเซ็ป ตอยยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี และประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่าน เกี่ยวกับการจัดการในซีเรีย หลังการตะเพิดไล่กลุ่มไอเอสพ้นซีเรียเป็นผลสำเร็จ ซึ่งก็จะเปิด "โซชี" นครตากอากาศชื่อดังข้างต้น ต้อนรับสองผู้นำในตะวันออกกลางให้มาเยี่ยมชมพร้อมๆ กับการเจรจาหารือด้วยกันไป บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า ถือเป็นปฏิบัติการตอกย้ำถึงการขยายอิทธิพลของรัสเซียไปยังตะวันออกกลางแบบครั้งใหญ่ หลังจากเริ่มลุยกรุยทางด้วยการที่ประธานาธิบดีปูติน พบปะทั้งบรรดาผู้นำของอิสราเอล และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย สองชาติสำคัญแห่งภูมิภาคกันไปก่อนหน้า