ให้ผอ.เขตพื้นที่หารือผู้ว่าฯ ย้ำไม่ให้ยึดจังหวัดเป็นฐาน ให้ยึดสถานการณ์ในพื้นที่เป็นหลัก เผยเป้าอยากให้เปิดเรียนให้เร็วที่สุด แต่นร.ต้องปลอดภัย เมื่อวันที่ 10 ม.ค.65 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวในงานเสวนาของกระทรวงศึกษาธิการ “โอมิครอนร้ายจริงหรือ? ถึงต้องปิดโรงเรียน” ว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ได้จัดการเรียนใน 5 รูปแบบ คือ online, onair, on site, on hand, on school line แต่สุดท้ายเห็นตรงกันว่า On site ดีที่สุด ซึ่งรมว.ศึกษาธิการได้ผลักดันให้ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เปิดเรียนแบบออนไซต์ได้ ประมาณ 20,000 โรงเรียน แต่ต้องมาเผชิญปีใหม่เกิดการระบาดของโอไมครอน ทำให้เกิดความกังวลในการแพร่เชื้อ บวกกับมาตรการของศบค. ทำให้ยังมีรร. 2 กลุ่มยังไม่เคยเปิดออนไซต์ตั้งแต่ 1 พ.ย. และกลุ่มเปิดก่อนปีใหม่และเปิดออนไซต์หลังปีใหม่ สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่เคยเปิดเลย หากมีการประเมินตนเองแล้วผ่าน 44 ข้อ ให้ส่งเรื่องมาที่เขตพื้นที่ เพื่อให้คณะกรรมการโรคติดด่อจังหวัดเห็นชอบ แล้วจึงให้ดำเนินการต่อไป เว้นแต่คณะกรรมการมีความเห็นเป็นอย่างไร ซึ่งถ้ายังประเมินตนเองไม่ผ่าน โรงเรียนจะต้องหาทางประเมินให้ผ่าน ด้วยเห็นตรงกันว่า ควรให้เรียนออนไซต์ แต่จะเรียนอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด จะต้องมาพูดคุยกัน การเปิดแยก 2 ชั้น ม.1 ขึ้นไปถ้าฉีดครบ 2 โดส สามารถเปิดได้เลยถ้าคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอนุญาต ส่วน กลุ่มอนุบาลถึงป.6 ถ้าได้รับวัคซีนจะปลอดภัยที่สุด ซึ่งถ้าผู้ปกครองได้ฉีดวัคซีนแล้วมั่นใจจะไม่มีการติดเชื้อในเด็กด้วยกัน หากโรงเรียนใดอธิบายกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้ ก็อยากให้ผอ.เขต ประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่อยากให้ยึดจว.เป็นฐาน ทั้งนี้ เพื่อให้นักเรียนได้เข้าถึงโอกาสการเรียนรู้ และเพื่อกำหนดแนวทางจะเปิดเรียนได้อย่างไร โดยจะให้เปิดเรียนให้เร็วที่สุด แต่นร.ต้องปลอดภัย ดร.อัมพรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดเรียนได้แล้วก็เป็นความท้าทาย จะอยู่ได้อย่างปลอดภัย การมีส่วนร่วมสำคัญ ผู้ปกครองต้องร่วมมือ ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันจะช่วยให้เปิดเรียนได้เร็วขึ้น โดยฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ถ้าฉีดนักเรียนได้ 95% ขึ้นไปจะมั่นใจมากขึ้น พร้อมให้ครูเร่งไปฉีดวัคซีน ต้องช่วยร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากเฝ้าระวังแล้ว การจะห้ามไม่ติดไม่ได้ แต่ไม่ใช่ 1 คนติดแล้วต้องปิดทั้งโรงเรียน ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเส้นทางการติดเชื้อเป็นอย่างไร หาก เสี่ยงสูงหยุดเรียนและให้เรียนอย่างอื่นได้ ซึ่งที่ผ่านมา เด็กจะติดจากครอบครัว มาพบที่โรงเรียนแค่ใน 1 ห้อง ยังไม่มีเกิดระบาดเป็นคลัสเตอร์ ทั้งนี้ การจะเปิดออนไซต์ให้ได้ นักเรียนและครูต้องปลอดภัย เป็นเป้าหมายที่ศธ.ต้องการ