ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเทือกเขาบรรทัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มสลับภูเขาหินปูนเป็นหย่อมๆ มีแนวเขานางนอนที่ในอดีตถูกแผ้วถางทำไร่ทำให้พื้นที่มีความชื้นน้อย ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุกเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากเทือกเขาบรรทัด แต่ในฤดูแล้งจะแห้งแล้งด้วยเพราะไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ จากสภาพภูมิประเทศเมื่อสังคมขยายทั้งประชากรและที่ทำกิน ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จึงเป็นเสมือนไข่แดงดินแดนอับน้ำฝน เพราะน้ำจากเทือกเขาบรรทัดจะถูกใช้ในพื้นที่โดยรอบเป็นส่วนใหญ่ นายนนทภักดิ์ สุขสบ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกรุงหยัน กล่าวว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมาพื้นที่ประสบกับภาวะแล้งจัดมาอย่างต่อเนื่อง จนโรงพยาบาลทุ่งใหญ่ต้องไปซื้อน้ำเพื่อนำมาใช้ในโรงพยาบาลจากเทศบาลคลองจันดี เนื่องจากคลองจันดีมีลำน้ำที่ไหลตรงลงมาจากเทือกเขาบรรทัด “น้ำตรงนี้ถือเป็นหัวใจหลัก ตอนนี้มีโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นมาในพื้นที่ผมก็เห็นด้วย อย่างน้อยๆ เวลาลูกหลานไปรักษาที่โรงพยาบาลจะได้ไม่ขาดแคลนน้ำ ก็ดีใจที่จะมีอ่างเก็บน้ำในพื้นที่” นายนนทภักดิ์ สุขสบ กล่าว และเมื่อวันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ และพลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานฯ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่จะมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านกรุงหยัน หมู่ที่ 2 ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการฯ ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้พิจารณาก่อสร้างโครงการฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกในเขต อำเภอทุ่งใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 70,000 ไร่ ให้มีน้ำตลอดทั้งปี รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์ด้วย การนี้ พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี กล่าวว่า ด้วยงบประมาณของประเทศที่มีจำกัด ฉะนั้นการพิจารณาแต่ละโครงการจะต้องทำด้วยความรอบคอบ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นส่วนรวม โครงการนี้เป็นพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งทรงพระราชทานไว้ ตลอดมาส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันผลักดันเพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้มีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอต่อการทำการเกษตร “เข้าใจดีว่าทุกโครงการจะมีทั้งประชาชนที่ได้รับประโยชน์ และผู้เสียประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องของพื้นที่ที่ต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ฉะนั้นผู้ที่จะได้รับผลกระทบทางจังหวัดก็จะเข้ามาดูแล เช่น การจัดสรรที่ดินทำกินแห่งใหม่อะไรต่างๆ ให้ประชาชนทุกคนเป็นพสกนิกรเราจะไม่ทิ้งใคร เราจะไปด้วยกัน เดินไปด้วยกัน มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกัน ไม่ปิดกั้นกัน สำหรับโครงการฯ นี้ประโยชน์มีมากมายจริงๆ” องคมนตรี กล่าว ทางด้าน นายสุรชัย โกยทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 15 กรมชลประทาน กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมชลประทานได้เริ่มโครงการระยะที่หนึ่ง คือสร้างฝายคลองสังข์พร้อมระบบส่งน้ำ ช่วยให้พื้นทำกินของราษฎรกว่า 11,200 ไร่ สามารถสูบน้ำมาใช้ประโยชน์ได้ “ในปี 2562 ได้เริ่มก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ฯ เพื่อเก็บกักน้ำต้นทุนสนับสนุนฝายคลองสังข์ เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเปิดพื้นที่ได้รับประโยชน์ทางด้านท้ายฝายอีก 10,800 ไร่ รวมพื้นที่ได้รับประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการฯ อยู่ที่ประมาณ 22,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 45%” นายสุรชัย โกยทรัพย์ กล่าว ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ได้สนองพระราชดำริโดยสนับสนุนงบประมาณในปี 2561 ให้กรมชลประทานดำเนินกิจกรรมเบื้องต้น และงานส่วนประกอบ โดยเป็นเขื่อนดินประเภททำนบดินแบ่งโซน (Zone Type) เพื่อปิดกั้นลำคลองสังข์ สามารถเก็บกักน้ำได้ 36.57 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎรบ้านกรุงหยัน หมู่ที่ 2 บ้านหมู่บ้านป่าไม้ หมู่ที่ 4 บ้านป่าคลองกรุงหยัน หมู่ที่ 5 บ้านถ้ำเพดาน หมู่ที่ 7 และบ้านบ่อปลา หมู่ที่ 8 ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 1,887 ครัวเรือน ราษฎร 6,123 คน และพื้นที่การเกษตรประมาณ 22,000 ไร่ ได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี รวมทั้งสามารถบรรเทาภัยแล้ง และอุทกภัยให้แก่ราษฎรในพื้นที่ซึ่งประสบความเดือดร้อนเป็นประจำทุกปีอีกด้วย