โครงการตามพระราชประสงค์หมู่บ้านสหกรณ์ดอนขุนห้วย เป็นโครงการฯ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2514 เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ไร้ที่ทำกินให้มีที่ทำกิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำพระราชดำริมาดำเนินการ ด้วยการนำพื้นที่บริเวณ ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นที่สาธารณะประเภททุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และรกร้างมารังวัดจัดสรรเป็นแปลงๆ ละ 15 ไร่ รวม 153 แปลง ให้สมาชิกชาวไร่ผักและผู้ไร้ที่ทำกินที่อพยพมาจากพื้นที่จังหวัดต่างๆ อาทิ จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และสมุทรสงคราม เป็นต้น เข้ามาอยู่อาศัยและทำกินตั้งแต่กลางปี 2515 ในลักษณะคล้ายกับราษฎรที่อยู่ในโครงการหุบกะพงฯ จังหวัดเพชรบุรี โดยจัดตั้งโครงการตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วย ตำบลดอนขุนห้วย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ขึ้น จากนั้นจึงส่งเสริมสนับสนุนการทำการเกษตรอย่างถูกวิธี และบริหารจัดการด้านการตลาดแบบครบวงจร โดยใช้หลักการและวิธีการสหกรณ์มาดำเนินการให้เกษตรกรได้เรียนรู้ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี และ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการฯ การนี้ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เปิดเผยว่า พื้นที่หมู่บ้านสหกรณ์ตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วยเกิดขึ้นหลังโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง ซึ่งพบว่ายังมีราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินอีกมาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งเป็นหมู่บ้านสหกรณ์ พร้อมจัดสรรที่ดินที่เหมาะสมให้แก่สมาชิกประมาณ 15 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่ออยู่อาศัยและทำกิน พร้อมจัดทำระบบน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตรในพื้นที่ดอนขุนห้วยขึ้นมาเพิ่มเติมอีกหนึ่งแห่ง ทุกครอบครัวจะไม่มีการถือกรรมสิทธิ์ แต่สามารถทำกินจนชั่วลูกชั่วหลานแบบสืบทอดกันได้ ปัจจุบันกลุ่มสมาชิกมีน้ำเพียงพอ โดยใช้ระบบน้ำส่งเข้าแปลงเพาะปลูกต่าง ๆ อย่างทั่วถึง สามารถทำเกษตรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ทางด้าน นางครสวรรค์ โภคา ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพระราชดำริ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เผยว่า สหกรณ์การเกษตรดอนขุนห้วย จำกัด ปัจจุบันกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้ามาส่งเสริมสนับสนุนให้สมาชิกนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ เพื่อยกระดับความเข้มแข็งในทุกๆ ด้าน นับตั้งแต่การบริหารจัดการ การส่งเสริมอาชีพ และการตลาด โดยเน้นให้สหกรณ์มีการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย สามารถปิดบัญชีในรอบปีได้ ส่วนในเรื่องอาชีพมีการทำแผนพัฒนาสหกรณ์ตามบันได 7 ขั้น เส้นทางสู่เส้นชัย ภายใต้แนวทางการรวมกลุ่มอย่างยั่งยืน ส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกฯ ปลูกผัก และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากงานหัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้าน นำผลกำไรมาต่อยอดขยายกิจการ โดยทางสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรีได้เข้ามาแนะนำส่งเสริมอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาให้สมาชิกมีรายได้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่สำคัญสหกรณ์แห่งนี้ต้องไม่มีการทุจริต มีการดำเนินงานโปร่งใส ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกฯ อย่างสูงสุด โดยมีศูนย์สาธิตสหกรณ์หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี เป็นพี่เลี้ยงและแม่แบบ นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยให้ส่งเสริมอาชีพเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น อาทิ การทำเกษตร การแปรรูปผลผลิต งานศิลปาชีพ รวมถึงการรวมกลุ่มสหกรณ์ต่างๆ โดยมีศูนย์สาธิตสหกรณ์หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี ให้คำแนะนำด้านสหกรณ์แก่สมาชิก ทั้งนี้ เพื่อให้ราษฎรสามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มีระบบในการจำหน่ายผลผลิตอย่างครบวงจร และมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างพอเพียงตามพระราชประสงค์ นางสาวลาวัณย์ ลืมสกุล ประธานกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและการทอผ้า ดอนขุนห้วย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้จะปลูกสับปะรดและผัก แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงหันมาทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม นำใยไหมมาทอผ้า ผลผลิตจะขายแบบทั่วไป มีรายได้เฉลี่ย 8,000 ถึง 20,000 บาทต่อปี โดยกรมหม่อนไหมได้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้คำแนะนำทั้งการปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม การสาวไหมและการทอผ้า “ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันดีขึ้นกว่าแต่ก่อน มีหลักการในการรวมกลุ่มกันอยู่อย่างพอเพียง เก็บเล็กผสมน้อยเผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาดูแล เช่น กรมหม่อนไหม และกรมพัฒนาสังคม ก็ขอขอบคุณพระองค์ท่านที่ทำให้เรามีอาชีพ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในวันนี้”