หลายคนยังคงมีคำถามเกี่ยวกับการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย พวกเขาเรียนอะไรกัน และเรียนจบมาแล้วไปทำงานอะไรได้บ้าง สำหรับสาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เรามีตัวอย่างศิษย์เก่าของสาขาวิชานี้หลายท่าน ที่สามารถยกเป็นคำตอบของคำถามข้างต้นได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกันกับ นายณัฎฐพรรศ ชั้นวิเชียร (บอลลี่) ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปัจจุบันเขาได้ค้นพบและทำงานที่ตัวเองรัก กับการเป็น Beauty Advisor หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านความงามเครื่องสำอางค์เคาน์เตอร์แบรนด์ ย้อนกลับไปถามถึงชีวิตสมัยเป็นนักศึกษารั้วฟ้าบานเย็น บอลลี่เล่าให้ฟังว่า ตนรหัสนักศึกษา 48xxxx และได้มีโอกาสสอบเข้าในโครงการทุน Pre’ entrance ประจำปีการศึกษา 2548 โดยตั้งใจเลือกเรียนสาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ภาษาไทยเป็นอีกหนึ่งภาษาที่สามารถนำไปต่อยอดในการทำงานได้หลากหลายอาชีพ ยิ่งปัจจุบันการสื่อสารนั้นปรับเปลี่ยน ปรับตัวไปตามกระแสอย่างรวดเร็ว การสื่อสารจึงจำเป็นต้องคิด วิเคราะห์ ให้มากขึ้นเพื่อจะสามารถสื่อสารออกไปได้อย่างเหมาะสมและรู้กาละเทศะ “บอลลี่เลือกสอบในโครงการทุนของ ม.รังสิต เราติดตามข้อมูลและหารายละเอียดเกี่ยวกับคณะนี้มาล่วงหน้าครับ ที่สำคัญ ม.รังสิต เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียง จำได้ว่าครั้งแรกที่เข้ามามหาวิทยาลัยได้พบท่าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ในงานมอบทุน ท่านได้อวยพรและกล่าวแสดงความยินดีต่อนักศึกษาทุนทุกคน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น และสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง ยังนึกในใจว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยนี้ใจดีจัง ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อได้มาที่คณะได้เจออาจารย์ และรุ่นพี่ก็ประทับใจไปอีก ยิ่งอาจารย์ในสาขา ในเอกไทยเองนั้น เรียกได้ว่าไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก นอกจากเรื่องปรับเวลาเรียน และเวลาว่างให้ตรงกับแต่ละเทอม บอกตัวเองได้เลยว่าเราเลือกไม่ผิดเลย สำหรับบอลลี่ บอลมองว่าการเลือกเรียน ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน เราชอบหรืออยากทำอะไร ลงมือทำไปแล้วมันมีความสุขหรือว่ามันเหนื่อย ดิ้นรนเกินไป จะมีเพียงแค่เราที่ตอบได้ ความพยายามและความมุ่งมั่นก็จะเริ่มจากจุดนี้หล่ะครับ ชอบก็จะอยู่กับสิ่งๆ นั้นได้ ตอนนั้นการทำกิจกรรมของคณะและมหาวิทยาลัย เข้มข้นมากๆ ครับ บอลลี่เก็บแต้มทุกอย่างครับ ทั้งเป็นพิธีกร สันทนาการ และยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสภานักศึกษาของวิทยาลัยศิลปศาสตร์ด้วย และนั่นก็ได้กลายมาเป็นรากฐาน ปั้นให้เราเป็นบอลลี่คนนี้ในปัจจุบัน” สิ่งที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานแรก เรียกได้ว่าเป็นเรื่องของทฤษฎี ความรู้เชิงลึก อาชีพที่ว่านั้นก็คือ การเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาไทยในโรงเรียนเอกชน บอลลี่ได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์มาลงกับงานนี้อย่างเต็มที่ “คุณครูสอนภาษาไทย งานแรกเลยครับ หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี เป็นงานที่สนุกและเหนื่อยนิดนึงครับ อาจเป็นเพราะว่าการได้พูด ได้นำเสนอ ได้สอน เป็นความชอบ แต่ยังไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์เท่าไหร่ เหมือนเรายังวิ่งเล่นในสนามที่มีขอบเขต มีกติกา แต่ถือว่าเป็นการทำงานแรก ทีได้รับประสบการณ์มาแบบเต็มๆ เพราะเราต้องตั้งกรอบไลฟ์สไตล์ของเรา ปรับให้เหมาะสมกับบุคลิกของการเป็นครู จริงๆ เราเป็นตัวของตัวเองนะครับตอนที่สอน แต่บอลก็ยังมองว่า เหมือนบอลยังอยากค้นหาตัวเองต่อไปอีก จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนงาน ก็ทำนั่นทำนี่มาเรื่อยๆ จนมาที่งานปัจจุบันครับ เป็น Beauty Advisor หรือพนักงานขายเครื่องสำอางค์เคาน์เตอร์แบรนด์ ก่อนหน้านี้บอลเข้าใจว่างานขายจะง่ายและพูดตามสคริปต์ แต่เอาเข้าจริง มันคือการต่อยอด เพราะนักการขายยุคนี้จำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ ต้องมีความรู้รอบตัว ต้องคิด วิเคราะห์ สามารถนำเสนอได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสำหรับการขายเครื่องสำอางค์นั้น จำเป็นต้องรู้จักสังเกต เอาใจใส่ เพราะว่าจะทำให้เราสามารถแนะนำสินค้าได้เหมาะกับลูกค้า ได้รู้พอสังเขปจากการหยิบจับ การสอบถาม และแนะนำเขาได้ถูกใจ ตรงความต้องการที่ลูกค้าอยากได้ จากตอนนั้นจนตอนนี้กับหน้าที่ภาระงานที่ทำอยู่ ทำให้บอลเองก็ต้องปรับปรุงและพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ต้องฝึก ต้องเทรนด์ เป็นพนักงานฝึกหัดอยู่นานหลายเดือน และความพยายามก็สำเร็จเมื่อบอลได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ หากเรามองสิ่งที่เราทำทั้งหมดเป็นความท้าทาย ความอดทน ก็เรียกได้ว่าเราได้พิสูจน์ตัวเองจากผลงาน บอลมีคติประจำตัวอยู่อย่างหนึ่งครับ เพราะเคยได้ยินคำถามบ่อยๆ เป็นคำถามสำหรับการตรวจสอบตัวเอง คุณคิดว่าวันนี้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตมากน้อยอย่างไร ความคาดหวังสำหรับบอล เราก็มองในแต่ละวัน มองแค่ว่า พรุ่งนี้ตื่นมามีความสุข อยากไปทำงาน อยากสนุกกับการทำงาน อยากสู้กับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น และยังอยากพยายามทำให้เต็มที่ อยากเติบโต อยากก้าวหน้า ซึ่งความอยากเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับบอล เพราะนั่นหมายถึง เรายังพร้อมจะก้าวไปพร้อมกับสิ่งที่เราได้เลือกมา แม้ตัวบอลเองจะเจอกับปัญหาและอุปสรรคในทุกวันก็ตาม ก็ต้องปรับมุมมองความคิดตามไปพร้อมกับปัญหาเช่นกัน” ความรู้จากการเรียน และการทำกิจกรรม ผ่านมาเป็นสิบๆ ปี ถามว่ายังได้เอามาประยุกต์ใช้อยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ หลายคนคงนึกว่าบอลลี่ตอบโลกสวยไปหรือไม่ “เอาจริงๆ ถามว่าได้เอาอะไรมาหยิบใช้บ้าง คือมันไม่ใช่ว่าที่เรียนมา 1 ถึง 10 เอาข้อไหนมาใช้บ้าง แต่ในภาพรวมรายละเอียดยิบย่อยในข้อ 1 ถึง 10 ก็ถูกนำมาใช้รวมๆ กัน ตอนทำกิจกรรมของคณะ เราได้เจอคนหลากหลาย เจออุปสรรค และคำถามในการทำงานตรงนั้น แต่เอาจริงก็ผ่านมาได้ ค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละประเด็น ทุกปัญหามีทางออก นิยามนี้ใช้ได้จริงและกับทุกคน แต่ระยะเวลาที่จะเจอทางออกและผลลัพธ์ที่ออกมานั้น มันอาจแตกต่างไป ทุกคนก็จะมีปัญหามีอุปสรรคที่ต้องเจอในช่วงชีวิตหลายวาระ หลายสถานการณ์ แต่พอทุกอย่างผ่านไป เวลาเดินผ่านไป เมื่อเรามองกลับมามันก็เหมือนฝนที่ตกและก็หยุดไป ไม่ว่าจะตกหนักมาก หรือฝนรินๆ แต่ยังไงฝนก็ต้องหยุดตก ค่อยๆ หาร่มที่เหมาะกับตัวเอง ค่อยๆ หาที่หลบฝนไป การค้นหาตัวตน การหาสิ่งที่ชอบก็เช่นกัน ใช้เวลาครับ ดังนั้น อยากทำอะไรลองทำได้เลย จะได้รู้ว่าไปต่อ หรือเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น แล้วเราก็จะได้ตอบตัวเองได้ว่าเราเจอสิ่งที่เราหาแล้วหรือยัง”