เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธาน ได้พิจารณากระบวนการถอดถอน นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งส.ส. ออกจากตำแหน่ง (กรณีสลับสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่เสนอต่อที่ประธานรัฐสภา) ตามมาตรา 6 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 64 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 โดยที่ประชุมได้กำหนดวันแถลงเปิดคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ผู้กล่าวหา รวมทั้งพิจารณากระบวนการถอดถอนนายนริศร ทองธิราช อดีตส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งส.ส.ออกจากตำแหน่ง (กรณีใช้บัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่น) แต่นายนริศรไม่ได้ขอพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้นัดแถลงเปิดสำนวนคดีพร้อมกันในวันที่ 6 ต.ค. จากนั้นที่ประชุมสนช.ได้พิจารณาคำขอเพิ่มพยานหลักฐานของนายอุดมเดชใน 4 รายการประกอบด้วย1.รายงานบันทึกการประชุมสนช.ลงมติไม่ถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา 2.รายงานบันทึกการประชุมสนช.ลงมติไม่ถอดถอน อดีต 38 ส.ว. 3.รายงานบันทึกการประชุมสนช.ลงมติไม่ถอดถอนอดีต 248 ส.ส. จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยไม่ชอบ และ 4 คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ 53/58 คำวินิจฉัยตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 เมื่อในวันที่ 6 ส.ค. 2557 เกี่ยวกับการยื่นคำร้อง โดยน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ได้คัดค้านโดยให้เหตุผลว่า เป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นก่อนที่จะวินิจฉัยในคดีนี้ และทางป.ป.ช.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นพยานหลักฐานมาแล้ว ในที่สุดที่ประชุมไม่อนุญาตให้นายอุดมเดช เพิ่มพยานหลักฐานเอกสารทั้ง 4 รายการ และไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่สรุปข้อเท็จจริงของกฎหมายและพยานหลักฐานของคู่กรณีเพราะเห็นว่าคดีดังกล่าวไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน