“มันดีขึ้นตรงที่ว่าไม่ต้องรอฟ้ารอฝน ปีที่ผ่านมาปลูกมันม่วงมีได้มากขึ้น เมื่อก่อนได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เมื่อมีน้ำ มันม่วงให้ผลผลิตดีขายได้ราคา ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นรายได้เป็นแสนต่อปี ตอนนี้ยังไม่มีรอบปิดน้ำปล่อยตลอดเวลาจึงปลูกพืชได้ตลอด” นางอนงค์ แป้นกลัด เกษตรกรบ้านวังครก ตำบลบ้านคา อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี หนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านพุขี้เหล็ก กล่าว

สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านพุขี้เหล็กฯ เป็นแหล่งน้ำชลประทานขนาดเล็ก มีขนาดความจุที่ระดับเก็บกักประมาณ 250,000 ลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างโดยกรมชลประทานเมื่อปี 2530 เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำใช้ทำการเกษตรและอุปโภคบริโภคของราษฎร แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ของราษฎรในพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งมีน้ำเก็บกักค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ราษฎรขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร แต่หลังจากที่โครงการฝายทดน้ำวังครกพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านคา อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลตำบลบ้านคา โดยสำนักงาน กปร. ได้ประสานงานและพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในปี 2562 แก่กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้าง และแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาทำให้ราษฎรตำบลบ้านคา และหมู่บ้านใกล้เคียง รวม 5 หมู่บ้าน พื้นที่ประมาณ 800 ไร่ ได้รับประโยชน์

นอกจากนี้ ยังช่วยผันน้ำจากการเก็บกักไปช่วยเสริมให้แก่อ่างเก็บน้ำบ้านบึงใต้ และอ่างเก็บน้ำบ้านพุขี้เหล็ก ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำทั้ง 2 มีปริมาณน้ำเพิ่มและเพียงพอสำหรับให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และยังช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งที่มีมาอย่างยาวนานได้เป็นอย่างดี

นายลลิต ถนอมสิงห์ เลขาธิการ กปร. เปิดเผยในระหว่างลงพื้นที่ติดตามพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลางและคณะอนุกรรมการฯ เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดราชบุรีว่า ในระยะต่อไปจะเป็นไปตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา และต่อยอด งานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแก่กับปวงชนชาวไทย โดยในพื้นที่จังหวัดราชบุรีมีศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ที่สำนักงาน กปร. ให้การสนับสนุนจะเข้ามาช่วยเหลือราษฎรในเรื่องของการพัฒนาอาชีพการปลูกพืชแบบผสมผสานพร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ มาปฏิบัติใช้ต่อยอดการพัฒนาการเพาะปลูก โดยเฉพาะไม้ผลให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อเป็นรายได้อย่างยั่งยืนของราษฎร

“กระบวนการพัฒนาจะเริ่มด้วยการสร้างความพร้อมของชุมชน ในการผลิตและสนับสนุนให้ใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ซึ่งก็คือศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาเรียนรู้แล้วนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงต่อยอดให้ประชาชนนำไปปฏิบัติใช้ ซึ่งสำนักงาน กปร. ในฐานะส่วนราชการที่สนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จักได้น้อมนำพระราชปณิธานมาปฏิบัติด้วยการนำผลสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาขยายผลสู่ราษฎรในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและกว้างขวางต่อไป” เลขาธิการ กปร. กล่าว