ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล

จิตใจที่ไร้สิ่งยึดเหนี่ยวย่อมเกี่ยวรัดเอาสิ่งต่าง ๆ เข้าสู่ตัว โดยที่ไม่รู้ตัวและไม่มีเหตุผล

ประภาศรีหรือเด็กหญิงแหววเป็นคนติดเพื่อน อาจจะด้วยที่บ้านคือพ่อแม่และพี่กับน้องไม่ค่อยให้ความสนใจ เธอจึงชอบไปหาเพื่อนในทุกครั้งที่มีเวลา และยิ่งที่บ้านไม่ค่อยจับตาเข้มงวดกับเธอ เธอก็ยิ่งไปไหนมาไหนได้สบาย ๆ ดีแต่ว่าเธอไม่ได้ไปไหนไกล ก็แค่บริเวณในสวนของบ้านใกล้ ๆ กัน และเพื่อนก็คือเด็กในละแวกบ้านสวนเดียวกันนั่นเอง

บ่อยครั้งที่มีเพื่อนบางคนชอบนำการเล่นแปลก ๆ มาลองเล่นกันในกลุ่ม เช่น ลิงลม และแม่ศรี เป็นต้น โดยลิงลมจะต้องมีการทำให้คนที่เป็นลิงลมนั้นเวียนหัว ด้วยการเอาผ้าปิดตาแล้วจับตัวหมุนหลาย ๆ รอบ จากนั้นก็ปล่อยให้ไล่จับเพื่อน ๆ ที่ล้อมรอบ ถ้าจับใครได้ คนคนนั้นก็ต้องเป็นลิงลมต่อไป ความสนุกของการเล่นนี้ก็อยู่ที่การล้มลุกคลุกคลานเวลาที่ลิงลมไล่จับคนอื่น ๆ จนเมื่อลิงลมหายมึนเวียนแล้วก็จะจับคนมาเป็นแทนได้ แต่บางคนเพิ่งทานข้าวมาใหม่ ๆ ก็เคยอาเจียนออกมาให้คนอื่น ๆ ขยะแขยง หรือบางครั้งก็ทำให้เพื่อน ๆ ตกใจ เพราะคงเวียนศีรษะมากจนเป็นลมไปก็มี

ส่วนการเล่นแม่ศรีจะมีการเอาสไบมาพันไหล่คนที่อาสาเป็น แล้วเพื่อน ๆ ที่เหลือก็จะนั่งล้อมวงแม่ศรีเอาไว้ แล้วร่วมร้องเพลงแม่ศรี ... แม่ศรีเอย แม่ศรีสาวสะ ยกมือไหว้พระ จะมีคนชม ... ไปหลาย ๆ รอบ จากจังหวะช้า ๆ ค่อย ๆ เร็วขึ้นไปทีละรอบ ให้คนที่เป็นแม่ศรีนั้นรำไปรอบ ๆ วง แรก ๆ แม่ศรีก็รำอย่างเก้งก้าง จนเมื่อรำได้อ่อนช้อยสวยงาม ก็เชื่อกันว่าแม่ศรีได้มา “เข้าทรง” แล้ว ก็จะเริ่มพูดคุยกับแม่ศรีในเรื่องราวต่าง ๆ บางทีก็ถูกแม่ศรีอาละวาดด่าทอเอา ทำให้วงแตกก็มี เพราะแม่ศรีนั้นเวลาที่เป็นปกติก็ไม่เคยพูดจาหยาบคายหรือด่าเพื่อนแรง ๆ แต่พอแม่ศรีเข้าร่างแล้วก็มีท่าทางและพูดจาผิดกันเป็นคนละคน รวมถึงอาการบ้า ๆ บอ ๆ ต่าง ๆ ที่เชื่อกันว่านั่นคือ “ผีเข้า”

การเล่นอีกอย่างหนึ่งที่น่ากลัวมาก ๆ ในความคิดของประภาศรีก็คือ “ปั้นหุ่น” โดยเพื่อนผู้ชายที่เคยบวชเป็นเณรบอกว่า เคยเห็นหลวงพ่อที่วัดทำอยู่บ่อย ๆ ในเวลาที่มีชาวบ้านมาขอให้ช่วย บางคนก็มาทำเสน่ห์ให้คนรัก มีทั้งที่เป็นผัวเมียกันแล้ว และที่กำลังหมายปองกันและกัน หลวงพ่อก็ปั้นหุ่นหญิงชายขึ้นคู่หนึ่งแล้วมัดเข้าด้วยกันด้วยสายสิญจน์ ทำบริกรรมเสกคาถาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะให้คนที่มาขอให้ช่วยนั้นเอาหุ่นดังกล่าวไปไว้บ้านหรือพกติดตัว บางคนก็ขอให้ช่วย “ไล่ผี” หรือ “แก้ไข้” เพราะตัวเองหรือมีคนในเรือนเจ็บป่วย รวมถึงที่เชื่อว่า “โดนของ” หลวงพ่อก็จะปั้นหุ่นขึ้นตัวหนึ่ง แล้วใช้ผ้ามัดตราสังมาพันให้แน่น จากนั้นก็บริกรรมด้วยคาถาที่มีเสียงดุ ๆพร้อมเอามีดหรือเข็มกรีดหรือแทงเข้าไปในหุ่น ทีนี้พอเอามาเล่นในหมู่เด็ก ๆ ในสวน ก็สมมุติให้ผู้ใหญ่รักบ้างหรือ “เอาคืน” เด็กบางคน ก็มีการปั้นหุ่นของคนคนนั้น แล้วก็ให้อดีตเณรคนนั้นเป็นเจ้าพิธีนั่งบริกรรม โดยเพื่อนคนอื่น ๆ ล้อมวงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่สำหรับประภาศรีกลับดูน่าสยองขวัญ เพราะนึกในมุมกลับว่าถ้ามีคนเอาพิธีแบบนี้ไปทำกับเธอเข้า เธอคงไม่มีความสุขแน่นอน และยิ่งถ้าหากเป็นการเอาคืนหรือแก้แค้นที่เธออาจจะไปทำความเจ็บช้ำน้ำใจให้ใคร เธอก็อาจจะต้องทุกข์ทรมานเจ็บปวดก็เป็นได้

ในกลุ่มเด็กในสวนนี้ก็มีเพื่อนที่ชอบเล่นอะไรพิเรนทร์ ๆ อยู่อีกคนหนึ่ง เขาชอบหาแมลงแปลก ๆ มาเล่น เช่น เอาตัวกว่างมาชนกันโดยเอาตัวเมียมาเป็นตัวล่อ เอาจิ้งหรีดมาปั่นหัวด้วยเส้นผมฟั่นเพื่อยั่วให้โมโห เอาตั๊กแตนมาเด็ดขาแล้วปล่อยให้บิน หรือจับจิ้งจกมาเด็ดหางก่อนจะปล่อยไป ทั้งตั๊กแตนและจิ้งจกนี้เขาจะเอาเชือกหรือปอผูกคอไว้ ก่อนที่จะเฉลยว่าเผื่อเจอมันคือตั๊กแตนและจิ้งจกตัวที่ผูกคอไว้นี้ อยากจะดูว่ามันงอกขาหรืองอกหางหรือยัง ซึ่งทั้งหมดก็ไม่เคยเจอตัวอีกเลย แต่ที่สยดสยองที่สุดก็คือ เขาจะชอบจับกบและเขียดมาผ่าท้องด้วยใบมีดโกนเก่า แล้วควักเอาเครื่องในออกมา ควานหาหัวใจเล็ก ๆ ที่เต้นตุบ ๆ ก่อนที่จะนับเวลาจากหนึ่งสองสามไปเรื่อย ๆ แล้วดูว่าแต่ละตัวนั้นหัวใจจะหยุดเต้นที่เลขอะไร

เด็กชายคนหลังนี้โตขึ้นก็รับราชการทหาร ถูกส่งไปประจำชายแดนไทยกัมพูชา วันหนึ่งเดินเข้าไปในเขตของกัมพูชาแล้วไปเหยียบกับระเบิดที่ยังเหลือค้างไว้ตอนสงครามเขมรแดง ร่างกระเด็นขึ้นฟ้าหล่นลงมาแขนขาขาดกระจาย รวมถึงศีรษะก็หักห้อยร่องแร่ง ส่วนท้องก็แตกกระจายตับไตไส้พุงแตกทะลัก ส่วนอดีตเณรที่ชอบเล่นปั้นหุ่น ประภาศรีก็ได้ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ได้ไปบวชจนแก่พรรษามีชาวบ้านนับถือเป็นหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี แล้วถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ในเรื่องที่ไปหลอกลวงทำเสน่ห์และคดโกงเงินทอง พอถูกจับสึกก็ยังต้องไปติดคุกอยู่อีกหลายปี

ส่วนตัวประภาศรีแม้จะสนุกกับการเล่นพิเรนทร์ ๆ นั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนับสนุน บ่อยครั้งก็มักจะห้ามปรามหรือต่อว่าเพื่อนที่ชอบเล่นอะไรประหลาด ๆ ดังกล่าว อย่างที่มีเพื่อนบางคนชอบจับแมวที่หลงเข้ามาในสวนมากัดกัน รวมทั้งหมาจรจัดก็จับเอามามัดหางเข้าด้วยกัน หมามันก็คงจะรำคาญหรือหงุดหงิด คอยจะงับเอาผ้านั้นออกอย่างวุ่นวาย เด็ก ๆ ก็หัวเราะกันสนุกสนาน ส่วนแมวบางทีก็กัดกันจริง ๆ จนเป็นแผล ประภาศรีจะเป็นคนที่เอายาแดงมาทาให้ รวมถึงเอาผ้าพันแผลไว้เพื่อไม่ให้มันแทะเล็มที่อาจจะทำให้ยาเข้าปากได้ ส่วนเกมหมางับหาง ถ้าประภาศรีเห็นเข้าก็จะเข้าไปด่าเพื่อน แล้วเข้าไปแก้มัดปล่อยออกมาเสียทุกครั้ง

อีกเรื่องหนึ่งที่ประภาศรีทนไม่ได้ก็คือ เพื่อนบางคนชอบปีนไปตามต้นไม้ แล้วค้นหาตามรังนกดูไข่นกและลูกนก ทุกครั้งก็จะเก็บเอาไข่นกมาอวด หรือเอาลูกนกออกมาเล่น ไข่นกนั้นพอถูกมือคนแตะต้องแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นที่รังเกียจของแม่นก ไม่สนใจมากกหรือทิ้งรังไปเลยก็มี มีนกบางชนิดเช่นนกกระจาบคงไม่ได้รังเกียจ จึงพยายามจะคาบย้ายไข่นั้นไปที่รังอื่นที่ก็ต้องสร้างขึ้นใหม่ด้วยความยากลำบาก ทว่าไข่นั้นมีน้ำหนักมาก บ่อยครั้งยังคาบไปไม่ถึงรังแห่งใหม่ก็ร่วงลงพื้นแตกเละเสียก่อน ส่วนที่เป็นลูกนก ถ้ายังเป็นตัวอ่อนมาก ๆ เพิ่งฟักออกมาใหม่ ๆ ผิวก็จะบาง การที่ถูกจับออกมาจากรังแม้จะลูบคลำเบา ๆ ก็อาจจะบอบช้ำได้ หรือบางทีก็ติดเชื้อโรคจากมือเด็กที่ไปจับนั่นแหละ โอกาสรอดจึงมีน้อย ซึ่งได้สร้างความรู้สึกเศร้าใจให้กับประภาศรีมาก ๆ

ประภาศรีเติบโตขึ้นท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีใครสอนเรื่องผิดถูก ทุกเรื่องเธอต้องคิดและตัดสินเอาเอง ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือถูก หรือตัดสินใจได้ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งพอโตขึ้นแล้วก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น แล้วเธอก็จับต้นชนปลายไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด และจะต้องจัดการกับมันอย่างไร