เมล็ดพันธุ์การพัฒนา “อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เจริญงอกงาม ผลิดอกออกผลทั่วสารทิศ

จากพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานเพื่อประชาชนชาวไทยในฐานะพ่อของแผ่นดิน โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการต่างๆ ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานไว้ให้เจริญงอกงามผลิดอกออกผลยังประโยชน์ บรรเทาความทุกข์ร้อนให้แก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อน และเร่งรัด รวมทั้งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีองคมนตรีรับผิดชอบดูแล

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ณ อาคารสำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มีการประชุมคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 1/2566 ขึ้น โดยมี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานการประชุม และรองประธานกรรมการฯ ประกอบด้วย พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี การนี้ นายปวัตร์ นวะมะรัตน เลขาธิการ กปร. ในฐานะกรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯ จากหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมสนองพระราชดำริเข้าร่วมการประชุม

จากการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการรวม 113 โครงการ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 4 ภาค สามารถขับเคลื่อนไปแล้วกว่า 50 โครงการ (มิถุนายน 2566) เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลอยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง โครงการขุดลอกหนองหลวงบริเวณบ้านโคกกลางอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาฬสินธุ์ โครงการฝายทดน้ำมะกอกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาญจนบุรี และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยต่อน้อยพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดตรัง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ และติดตามเร่งรัด

นอกจากนี้ยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 - มิถุนายน 2566 ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมาอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอีก 172 โครงการ แยกเป็นโครงการที่พระราชทานพระราชดำริโดยตรง 24 โครงการ คือ โครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดสกลนคร 23 โครงการ และโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันโรงเรียนบ้านเด่นชาติ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งดำเนินการเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เกิดจากราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือ หรือที่เรียกว่า (ฎีกา) ซึ่งทรงรับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้ว 101 โครงการ และโครงการที่หน่วยงานขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ คือ โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 47 โครงการ และวันนี้มีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จรวมทั้งสิ้น 121 โครงการ จากความร่วมมือของหน่วยงานที่ร่วมดำเนินงานสนองพระราชดำริ

ขณะเดียวกันยังมีโครงการต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามพระราชปณิธาน เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยยึดหลักการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตัวอย่างได้แก่ โครงการต่อยอดโครงการอาคารอัดน้ำบ้านเนินทองพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  จังหวัดระนอง โครงการต่อยอดโครงการปรับปรุงคลองผันน้ำร่องสักและโครงการก่อสร้างฝายร่องขุยพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา โครงการต่อยอดบริเวณพื้นที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลพบุรี ดำเนินการจัดอบรมเพิ่มพูนความรู้ภาคเกษตร ทั้งพืช ประมง ปศุสัตว์ พร้อมมอบปัจจัยการผลิตให้แก่ประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อสร้างความผาสุก ร่มเย็นให้แก่ประชาชน เมล็ดพันธุ์การพัฒนาที่พระราชทานผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังคงเจริญงอกงามผลิดอกออกผล ก่อเกิดภูมิคุ้มกันให้พสกนิกรและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมโลกยุคปัจจุบัน และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อร่วมกันพัฒนาและสรรสร้างสังคมไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าสืบไป