ด้วยยุทธศาสตร์ของ เยาวราช ซึ่งเป็นเดสติเนชั่นที่ได้รับการสนับสนุนทั้งระดับชาติ  ภาคการท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพฯ (กทม.) มีโครงการพัฒนาเพื่อผลักดันให้เยาวราชเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก เป็นจำนวนมาก จากเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นเรื่องไม่แปลกนักที่ โรงแรมแกรนด์ ไชน่า กรุงเทพ จะเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาต่างๆ ในเยาวราช โดย นาง พรพิมล ปฐมศักดิ์ กรรมการโรงแรมแกรนด์ ไชน่า กรุงเทพ ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานเพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างโดยรอบ  

ไอคอนของเยาวราชในปัจจุบัน

ทั้งนี้  นาง พรพิมล ปฐมศักดิ์ กรรมการ โรงแรมแกรนด์ ไชน่า กรุงเทพ กล่าวว่า จากตึกสูงที่นำโมเดลธุรกิจมาจากฮ่องกง โดยมีโรงแรม ดุสิต ปริ้นเซส เข้ามาช่วยบริหารในช่วงเริ่มต้น ใช้ชื่อว่า แกรนด์ไชน่า ปริ้นเซสโฮเต็ล จนมาถึงเป็นไอคอนของเยาวราชในปัจจุบัน ด้วยเป็นตึกที่สูงที่สุดในเยาวราชในพื้นที่ 5 กิโลเมตร แม้จะมีการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ และที่พักระดับไฮเอ็น แต่ในเวลานี้มีการขยายในแนวราบ ส่วนแนวสูงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะติดกับข้อกฎหมายที่วางระเบียบไว้ใหม่

จนมาถึงการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่เมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็นแกรนด์ไชน่า ในระดับ 4 ดาวด้วยจำนวน 150 ห้อง ขนาดประมาณ 80 ตารางเมตร ในโลเคชั่นที่ดี และสินค้าที่ได้มาตรฐานในราคาสูงสุดเพียง 15,000-16,000 บาท จึงเป็นราคาที่สมเหตุสมผลคุ้มราคา จึงมีมีคนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   

สำหรับปี 2566 สถานการณ์โรงแรมแนวโน้มดีขึ้นกว่าก่อนโควิด ก่อน 2019 เกือบเต็ม เพราะทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง เพราะคนที่พร้อมจะกลับมาเที่ยว เริ่มกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้อัตราการเข้า 85-90% ซึ่งในปัจจุบัน ถือว่าปรับขึ้นได้ทั้งในตัวอัตราการเข้าพักและราคา ถือ ว่าเป็นการกลับของธุรกิจในแง่ที่ดี ต้องบอกว่า เรามีจุยุทธศาสตร์ เพราะเราอยู่ในเยาวราชที่มีกิจกรรมประจำปีต่างๆ มีการสนับสนุนในรายการต่างๆ  นั้นเอง

บริการคือที่สุดของแกรนด์ ไชน่า

อย่างไรก็ตาม นาง พรพิมล กล่าวว่า  ด้วยศักยภาพที่กล่าวมาจึงวางเป้าหมายถึงอัตราการเข้าพักที่มีมากกว่า 85-90% ด้วยจุดแข็งจากการเป็นตึกสูงที่สุดในเยาวราช มีห้องพักที่กว้างขวาง มีหน้าต่างทุกห้อง มีร้านอาหาร 6 เอาท์เล็ต สำคัญที่สุด คือ บริการ  ที่ลูกค้าประทับใจ  โดยได้รับการรับรองจากอะโกด้า และ ทริปดอทคอม จนทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซ้ำถึง 40% โดยมีสัดส่วนคนไทยประมาณ 30% ส่วนต่างชาติประมาณ 10%

อย่างไรก็ตามทางโรงแรมได้วางแผนการพัฒนาในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่มาตรฐานการบริการเป็นสิ่งสำคัญที่ทางโรงแรมจะต้องรักษาไว้ รวมไปถึงบุคลากรที่จะต้องได้รับการอบรมในเรื่องของภาษาต่างชาติในกลุ่มต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาใช้บริการ พร้อมกันนี้ได้เพิ่มประเภทของห้องจากเดิมที่มี 5 รูปแบบ ปัจจุบันมีถึง 9 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์โมเดลธุรกิจที่มีการเดินทางเป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และคู่รักมากขึ้น

ดังนั้นทางโรงแรมได้ดึงจุดแข็งที่มีห้องพักขนาดใหญ่ตั้งแต่ 45-80 ตารางเมตรเข้ามาให้บริการ ด้วยจำนวน 1 ยูนิตเท่าเดิมแต่ได้ค่าห้องพักโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีรายได้มากขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งยังขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย และตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุยุทธิ์ของโรงแรมที่จะทำให้โรงแรมก้าวไปสู่การเป็นเดสติเนชั่นระดับสากล

เสริมโปรดักส์เพื่อกลุ่มลูกค้าใหม่

อีกทั้ง นางพรพิมล ยังกล่าวต่อว่า เวลานี้ทางโรงแรมมีกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น กลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มคู่รัก จะมีห้องจากุชชี่สวีทนอกห้อง เป็นโปรดักส์ใหม่เพื่อกลุ่มคู่รัก เป็นไฮไลท์มีเพียง 5 ห้องเท่านั้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่  6 พัน++ เป็นโมเดลธุรกิจที่ทำขึ้นมา เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ รวมไปถึงอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ คือ เป็ดปักกิ่ง ที่ติดอยู่ในลิสต์ระดับสากล

พร้อมกันนี้การพัฒนาของเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยเวลานี้ทางโรงแรมมี บุ๊คกิ้งผ่านออนไลน์ของทราเวลเอเยนต์ หรือ โอทีเอ เป็นส่วนใหญ่ซึ่งไตรมาสที่ 4 ปี 2566 มียอดจองอยู่ที่ประมาณ 60% ขณะที่จองผ่านทางเว็บไซต์โรงแรม หรือ ไดเร็ค บุ๊คกิ้งมีอยู่ ประมาณ 10-15% ส่วนที่เหลือประมาณ 25-30 %จะมาจากทราเวล เอเยนต์  ซึ่งยังเป็นตลาดสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว-โรงแรม  

เตรียมพัฒนาโรงแรมสู่ระดับ 5 ดาว

ดังนั้น นางพรพิมล กล่าวว่า ในไตรมาส 4 ของปีนี้กลุ่มท่องเที่ยวระยะไกล หรือลองฮอลล์จากที่มีอยู่ประมาณ 30% น่าจะโตได้ประมาณ  45% ซึ่งเวลานี้ยอดบุ๊คกิ้งของกลุ่มนี้เข้ามาแล้วประมาณ 50% โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2566ไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2567 จะเป็นช่วงที่พีคมาก ส่วนกลุ่มตลาดระยะใกล้ หรือช็อตฮอลล์ อย่างตลาดเอเชียจะไม่มีการวาแผนล่วงหน้าเพียง 1-2 วัน หรือบางครั้งตัดสินใจเดินทางวันต่อวันเลยทีเดียว  

สำหรับแผนการตลาดในอนาคต นางพรพิมล ได้กล่าวว่า ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะผลักดัน และพัฒนาโรงแรมให้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว++ ด้วยปัจจัยที่สนับสนุน ทั้งสาธารณูปโภค อย่างการคมนาคมทางน้ำ ทางรถไฟฟ้า รวมไปถึงสถานที่รองรับรับทั้งศูนย์การค้า ตลาดชุมชน ที่ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้ย่านเยาวราชกล่าวเป็นเดสติเนชั่นที่คนทั่วโลกจะต้องเดินทางมาท่องเที่ยว