บทความ : 20 พฤศจิกายน : จุดกำเนิดรากฐานทหารเรือไทย สู่วันกองทัพเรือในปัจจุบัน

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) นับเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าจากชาติตะวันตก เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ ในการพัฒนาประเทศ เช่น การรถไฟ การสื่อสารด้วยโทรเลข และโทรศัพท์ เป็นต้น นอกจากนี้พระองค์ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชโอรสหลายพระองค์ไปศึกษาวิชาการยังประเทศอังกฤษ รวมถึง พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย หรือเสด็จในกรมฯ) เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยศักดิ์เป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ไปศึกษาวิชาการทหารเรือ เนื่องจากพระองค์มีพระราชประสงค์ ให้คนไทยมีความรู้ความสามารถในการทหารเรือ โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างชาติ และสามารถปกป้องประเทศได้ด้วยกองทัพเรือของตนเอง

เมื่อพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงสำเร็จการศึกษา และเสด็จกลับสู่ประเทศไทย พระองค์ทรงวางรากฐานการทหารเรือของไทยตามแบบชาติตะวันตก เพื่อให้กองทัพเรือมีความเข้มแข็ง และก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ รวมทั้งได้ขอพระราชทานพระราชวังเดิม กรุงธนบุรี จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ ตลอดจนกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ศ.125 (พ.ศ.2449) ดังพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่กล่าวว่า “วันที่ 20 พฤศจิกายน รศ. 125 เรา จุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจซึ่งได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบไปในภายน่า”

ทั้งนี้ การเสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงเรียนนายเรือในวันดังกล่าว ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทย และทำให้ “การทหารเรือไทย” หยั่งรากแห่งเกียรติยศและภาระหน้าที่ของทหารเรือมาตั้งแต่นั้น ตลอดจนกองทัพเรือได้กำหนดให้วันมหามงคลดังกล่าวเป็น “วันกองทัพเรือ” มาจวบจนปัจจุบัน

กองทัพเรือของไทยมีรากฐานที่มั่นคง อันนำมาซึ่งการก่อกำเนิดและมีพัฒนาการสู่การเป็นกองทัพเรือที่เข้มแข็งมั่นคงในทุกวันนี้ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  และด้วยพระกรุณาธิคุณของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ที่ทรงมีต่อกองทัพเรือ พระองค์จึงได้รับการเคารพจากทหารเรือทุกชั้นยศอย่างจริงใจสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน และเหล่าทหารเรือทุกนายต่างยกย่องให้พระองค์เป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” โดยในปีนี้กองทัพเรือได้กำหนดจัดงานวันกองทัพเรือ ประจำปี 2566 ประกอบด้วย พิธีทำบุญประจำปี ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม และงานรับรองวันกองทัพเรือ ณ หอประชุมกองทัพเรือ

ปัจจุบันบทบาทและหน้าที่ของกองทัพเรือไม่ได้มีเพียงแต่การช่วยเหลือประชาชน แต่ยังรวมถึงภารกิจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งนับได้ว่ามีความสำคัญต่อการสร้างความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติในทะเล ทรัพยากรสัตว์น้ำและพืชพันธุ์ต่างๆ รวมถึงเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่นับได้ว่าเป็นเส้นทางหลักของประเทศในการนำเข้าส่งออกสินค้าและพลังงาน การประกอบกิจการเดินเรือพาณิชย์และเรือประมง รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้ทรัพยากรทางทะเลเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ สิ่งต่างๆ เหล่านี้นับได้ว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศที่มีมูลค่ามหาศาล กองทัพเรือถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่สำคัญ ในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อความมั่นคงทางทะเลและความมั่นคงของประเทศ

ด้วยเหตุดังกล่าว กองทัพเรือจึงมุ่งมั่นในการเป็นหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทะเลไทยปลอดภัยและมีความมั่นคง ภายใต้คำขวัญของ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ได้มอบเป็นแนวทางให้เกิดกำลังพลกองทัพเรือ นำไปยึดถือและปฏิบัติที่ว่า “เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง” Fit for the Future เพื่อนำไปสู่การเป็น กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจตลอดไป

กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ